MGRออนไลน์ -- เครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล 3 รุ่น ของกองทัพอากาศสหรัฐ คือ B-52, B-1B กับ B-2 ใช้ลานจอดร่วมกัน ที่ฐานทัพอากาศแอนเดอร์สัน (Andersen Air Force Base) บนเกาะกวม ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งได้กลายเป็นประวัติกาล เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่มีเครื่องบินรบทันสมัยที่สุด จากสามยุคอยู่พร้อมหน้ากันในย่านเอเชียแปซิฟิก
ในขณะเดียวกันก็เป็นการสิ้นสุดยุคหนึ่ง คือ ยุคของ B-52 "สตราโตฟอร์เตรส" (Stratofortress) ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ คือ ยุคของ B-1B "แลนเซอร์" (Lancer) กับ B-2 "ปีศาจ" (Spirit) ซึ่งเข้าประจำการแทนในย่านนี้ ท่ามกลางการโวยวายของเกาหลีเหนือ ที่ระบุว่าสหรัฐกำลังวางแผนโจมตีก่อน ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ อันเป็นการกล่าวหาที่ถูกปฏิเสธ
กองบัญชาการกองกำลังภาคพื้นแปซิฟิก ประกาศก่อนหน้านี้ว่า B-1B "จำนวนหลายลำ" จะไปประจำที่เกาะกวม แทน B-52 อันเป็นการสับเปลี่ยนกำลังตามแผนการปรกติ ที่กำหนดมาก่อนหน้านี้ แต่ไม่ค่อยมีผู้ใดกล่าวถึง "ปีศาจ" มากนัก และ นี่คือเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลล่องหน (Stealth) เต็มพิกัด ที่ใหม่กว่า ล้ำสมัย น่าเกรงขามยิ่งกว่า และ เจ้าหน้าที่สหรัฐเคยกล่าวเอาไว้ว่า ยังไม่มีเรดาร์ของฝ่ายใด เคยตรวจจับได้ตลอดเวลากว่าหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา
ตามรายงานในเว็บไซต์กองกำลังแปซิฟิก ในนครโฮโนลูลู มลรัฐฮาวาย ซึ่งลงวันที่ 11 ส.ค. เครื่องบิน B-1B พร้อมด้วยกำลังพลติดตามราว 300 คน จะทะยอยไปถึงฐานทัพอากาศแอนเดอร์สัน ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. เพื่อปฏิบัติการร่วมกับชาติพันธมิตร ลาดตระเวณตรวจตรา รักษาเสถียรภาพ กับความมั่นคงปลอดภัย พิทักษ์เส้นทางเดินเรือ และ เดินอากาศเสรี ในย่านอินโดเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งป้องปรามการข่มขู่คุกคาม โดยกำลังปรปักษ์ใดๆ
.
ผู้สังเกตุการณ์กล่าวว่าการสับเปลี่ยนกำลัง โยกเอาเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ล้ำสมัย เข้าประจำการในย่านนี้ มีขึ้นในช่วงปีที่จีนกำลังแพร่ขยายอิทธิพล ทั้งกำลังทางเรือและทางอากาศลงใต้ เพื่อครอบคลุมทะเลจีนใต้ ที่จีนกล่าวอ้างเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งสหรัฐได้ปฏิเสธ ไม่ยอมรับการกล่าวอ้างของจีน โดยให้เหตุผลว่า ไม่มีพื้นฐานกฎหมายระหว่างประเทศใดๆ รองรับ
นายทหารสหรัฐ ที่ประจำการในภูมิภาคนี้ ให้สัมภาษณ์ระหว่างประชุมแชงกรีลาในสิงคโปร์ เมื่อเดือนที่แล้ว ยืนยันไม่เข้าข้างฝ่ายใดในความขัดแย้งเกี่ยวกับน่านน้ำ และ หมู่เกาะทะเลจีนใต้ แต่มีจุดยืนมั่นคง ที่จะพิทักษ์เส้นทางเดินเรือ กับเส้นทางเดินอากาศเสรีในย่านนี้ รวมทั้งเรือรบ และ เครื่ทองบินทางทหารด้วย และ สหรัฐจะตอบโต้แข็งกร้าวยิ่งขึ้น ถ้าหากจีนยังคงสร้างเกาะเทียมในทะเลจีนใต้ และ เสริมสร้างทางทหารขึ้นบนเกาะเทียมอีก เช่นที่เคยกระทำมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
หากไม่นับรวม B-21 เครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล "สเตลธ์" รูปลักษณ์ปีกค้างคาว ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดในศตวรรษนี้ B-2 ก็ยังเป็นเครื่องบินรบที่น่าเกรงขามมากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งยังไม่มีชาติใด มีคู่เปรียบเทียบที่เท่าเทียม สามารถติดอาวุธได้ ทั้งอาวุธสงครามปรกติ และ อาวุธนิวเคลียร์
.
2
3
"ไอ้ปีศาจ" จำนวน 3 ลำ บินขึ้นจากฐานทัพอากาศไว้ท์แมน (Whiteman Air Force Base) รัฐมิสซูรี ที่เป็นขุมกำลังใหญ่ และ ยังมีทหารอากาศ กับเจ้าหน้าที่ติดตามราว 200 นาย ไปถึงบ้านแห่งใหม่ บนเกาะกวมในวันที่ 9 ส.ค. มีรายงานเรื่องนี้ในเว็บไซต์ฐานทัพอากาศไว้ท์แมน ในวันเดียวกัน
ส่วน B-1B ที่ไม่มีการเปิดเผยจำนวน ได้บินขึ้นจากฐานทัพอากาศเอลส์เวิร์ธ (Ellsworth Air Force Base) รัฐเซ้าธ์ดาโกตา ไปถึงฐานทัพอากาศแอร์เดอร์สันเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน เพื่อแทนที่ B-52 ทั้งฝูง ซึ่งจะกลับไปประจำยังถิ่นเดิม คือ ฐานทัพอากาศไมนอต (Minot Air Force Base) รัฐนอร์ธดาโกตา
เจ้าหน้าที่กองบัญชาการกองกำลังแปซิฟิกสหรัฐกล่าวว่า การถอนฝูงบิน B-52 จากเกาะกวม นับเป็นการสิ้นสุดของยุคหนึ่ง แต่ไม่ได้ให้ความกระจ่างว่า จะเป็นการสิ้นสุดการปฏิบัติภารกิจของ B-52 ในย่านนี้อย่างถาวรหรือไม่
ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ก็จะเป็นการกล่าวอำลา เครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ที่เก่าแก่ และ ใช้มาตั้งแต่ยุคสงครามเวียดนาม ซึ่งในครั้งโน้นได้เคยใช้สนามบินอู่ตะเภา และ สนามบินตาคลี จ.นครสวรรค์ของไทยเป็นฐานปฏิบัติการ ร่วมกับเกาะกวมด้วย
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนเช่นเดียวกันว่า เครื่องบิน B-2 ทั้งสามลำ จะประจำการที่นั่นอย่างถาวร หรือ เป็นเวลานานเท่าไร
.
4
สำหรับ B-1B ออกแบบ และประจำการ เป็นเสมือนกระดูกสันหลังกองทัพอากาศสหรัฐ มานานกว่า 20 ปี ตั้งแต่ช่วงปลายยุคสงครามเย็น สามารถบินได้เร็วกกว่า 900 ไมล์ (ราว 1,500 กิโลเมตร) ต่อชั่วโมง บรรทุกอาวุธได้ รวมหนักกว่า 75,000 ปอนด์ หรือ กว่า 34 ตัน และ เกือบจะเป็นเครื่องบินล่องหนที่สมบูรณ์แบบอีกรุ่นหนึ่ง หลังผ่านการพัฒนายกระดับมาหลายต่อหลายครั้ง ปัจจุบัน B-1B ยังคงเหลือพื้นผิวอีกราว 19 ตารางฟุตเท่านั้น ที่ยังสะท้อนคลื่นเรดาร์ของข้าศึก
การสับเปลี่ยนกำลังเครื่องบินรบทั้งสามรุ่น มีขึ้นเพียงไม่นาน ก่อนหน้าการซ้อมรบร่วม ระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้จะเริ่มขึ้น ซึ่งทำให้รัฐบาลคอมมิวนิสต์ในกรุงเปียงยาง กล่าวหาว่าสหรัฐกำลังวางแผนรุกราน หลังจากฝ่ายนั้นทำการทดลอง ยิงขีปนาวุธโจมตีพิสัยกลางอีก 2 ลูก เพียงสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ตั้งแต่ต้นปีนี้ เกาหลีเหนือได้ทดลองยิงขีปนาวุธมากว่าสิบครั้ง รวมทั้งทดลองระเบิดนิวเคลียร์ใต้ดินเป็นครั้งที่ 4 ในเดือน ม.ค. ซึ่งทำให้องค์การสหประชาชาติ เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรแข็งกร้าวยิ่งขึ้น
ถึงกระนั้นอีก 1 เดือนถัดมา เกาหลีเหนือก็ได้ทดลองยิง ขีปนาวุธโจมตีพิสัยไกลอีกครั้งหนึ่ง.
.
5
6