MGRออนไลน์ -- สหรัฐกำลังจะส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ "สเตลธ์" รุ่นเก่า เข้าประจำการที่เกาะกวม ในเขตแปซิฟิกตะวันตก สัปดาห์ต้นเดือน ส.ค.นี้ เพื่อปฏิบัติการลาดตระเวณในภูมิภาค ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่ B-1B "แลนซ์" (Lance) ถูกส่งกลับเข้าประจำการในย่านนี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพยุทธศาสตร์สำคัญอีกแห่งหนึ่ง อยู่ถัดอาณาบริเวณทะเลจีนใต้ลงไปไม่ไกล
B-1B เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ออกแบบมา ให้สะท้อนคลื่นเรดาร์ต่ำมาก ซึ่งตัวเลขทางเทคนิค ระบุว่าหลังอัปเกรดมาหลายครั้ง ทำให้รุ่นล่าสุด หรือ "บล็อค" ใหม่ล่าสุด มีพื้นที่สะท้อนเรดาร์เหลืออยู่เพียง 29 ตารางฟุตเท่านั้น ทั้งยังบินได้ในระดับต่ำ ความเร็วระดับซูเปอร์โซนิก คือ เร็วกว่า 900 ไมล์ (กว่า 1,440 กม.) ต่อชั่วโมง กองบัญชาการกองกำลังแปซิฟิกสหรัฐ แถลงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เครื่องบินที่ไม่ได้ระบุจำนวน จะไปถึงในวันที่ 6 ส.ค. ตามเวลาในท้องถิ่น เพื่อแทน B-52 ที่ฐานทัพอากาศแอนเดอร์สัน (Anderson Air Force Bas)
ความเคลื่อนไหวนี้ยังมีขึ้นไม่นาน หลังจากจีนประกาศจะยกระดับการบินลาดตระเวณ เหนือน่านน้ำพิพาททะเลจีนใต้ ทั้งโดยเครื่องบินทิ้งระเบิด และเครื่องบินขับไล่ เพียงไม่นานหลังจากคณะอนุญาโตตุลาการ ระหว่างประเทศ ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ตัดสินเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ตามการกล่าวโทษของรัฐบาลฟิลิปปินส์ โดยระบุว่า การกล่าวอ้างสิทธิ์ครอบครองทะเลเปิดแห่งนี้ของจีน เป็นการกล่าวอ้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ
จีนประกาศล่วงหน้าจะไม่ยอมการผลการตัดสินใดๆ ของคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ แต่ก็ไม่ทำให้ผลการตัดสินขาดความศักดิ์สิทธิ์ ตามกฎหมายระหว่างประเทศ
สหรัฐกล่าวว่าการส่ง B-1B ไปประจำการแทน B-52 เป็นไปตามแผนการที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้า เกี่ยวกับการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกองกำลัง กับยุทโธปกรณ์ เพื่อปฏิบัติหน้าที่รับประกันสิทธิ์เสรีภาพ การเดินเรือและการเดินอากาศอย่างเสรี เหนือทะเลจีนใต้
เครื่องบิน B-1B "จะเพิ่มขีดความสามารถในการโจมตีที่รวดเร็ว เพิ่มขีดความสามารถทางด้านความพร้อม กับพันธสัญญาของเรา ในการป้องปราม กับการให้ความมั่นใจ ต่อบรรดาพันธมิตรของเรา และ เสริมขายความมั่นคงปลอดภัย กับเสถียรภาพในภูมิภาค" สหรัฐระบุในคำแถลงฉบับหนึ่ง ที่ออกในมลรัฐฮาวาย
.
.
เครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ B-52 แบบ 8 เครื่องยนต์ไอพ่น ที่ประจำการบนเกาะกวมนั้น ไปจากฐานทัพอากาศไมน็อท (Minot) รัฐนอร์ธดาโกตา ถูกส่งไปยังฐานทัพอากาศแอนเดอร์สัน ตามแผนการคงเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง
หลายเดือนมานี้ B-52 ยังคงออกปฏิบัติการเหนือทะเลจีนใต้ กับทะเลเปิดโดยรอบเป็นปรกติ โดยไม่ถูกขัดขวางใดๆ จากเครื่องบินรบของฝ่ายจีน นายทหารกองทัพอากาศสหรัฐให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า ถ้าหากคอมมิวนิสต์จีนประกาศเขตป้องกันทางอากาศ ขึ้นเหนืออาณาบริเวณทะเลเปิดแห่งนี้ สหรัฐก็จะไม่ยอมรับ และ เชื่อว่ารัฐบาลประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับเช่นกัน
เครื่องบิน B-1 ที่จะไปยังเกาะกวมสัปดาห์นี้ จะมีกำลังพลติดตามไปราว 300 คน ซึ่งบ่งบอกว่า จะมีจำนวนหลายลำ ทั้งหมดไปจากฐานทัพอากกาศเอลส์เวิร์ธ (Ellsworth Air Force Base) นอร์ธดาโกตา ถึงแม้ว่าหนนี้จะไม่ใช่ครั้งแรก ที่ B-1 ออกประจำการในย่านแปซิฟิก แต่การสับเปลี่ยนกำลังครั้งล่าสุด มีขึ้นก่อนหน้านี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
หลายเดือนมานี้ B-52 ได้ออกปฏิบัติการจากเกาะกวม และ เข้าไปมีบทบาทหลัก ในการพิทักษ์รักษาสิทธิ์การบินในน่านฟ้าสากล เป็นการตอบโต้การประกาศขยายอธิปไตยของจีน ออกไปครอบคลุมน่านน้ำกับน่านฟ้า ที่อยู่ห่างไกลไปตั้งแต่ 1,000-2,000 กิโลเมตร ขณะที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกล้วน ได้รับสิทธิ์ในน่านน้ำและน่านฟ้า เท่าที่กฏหมายระหว่างประเทศกำหนด
เจ้าหน้าที่สหรัฐแถลงว่า วอชิงตันไม่เข้าข้างชาติใดในกรณีพิพาทน่านน้ำ ระหว่างจีนกับเพื่อนบ้านย่านนี้ แต่สหรัฐมีจุดยืนอันมั่นคง ในการพิพทักษ์ปกป้องเส้นทางเดินเรือ และ เส้นทางเดินอากาศเสรี เหนือทะเลเปิดแห่งนี้
.
การเล่นคำนาม Bone (โบน) ได้กลายมาเป็นคำใหม่ คือ B-One หรือ B-1 ชื่อเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบปีกหุบ ความเร็ว 1.2 เท่าเสียง สร้างตั้งแต่ปี 1973-1974 ก่อนสงครามเวียดนามจะยุติลง เริ่มเข้าประจำการอีก 10 ปีถัดมา หลังจาก B-52 ถูกยิงตกในเวียดนามกว่า 30 ลำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายปี 1972 ที่สหรัฐโหมทิ้งระเบิดกรุงฮานอย กับนครหายฝ่อง ซึ่งถูกยิงตกมากที่สุด ทำให้ต้องมองหาเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล ความเร็วสูงมาแทนที่ จนกระทั่งกลายเป็นเครื่องบินต้นแบบ B-1A จำนวน 4 ลำ ก่อนผลิต B-1B รวมทั้งหมด 100 ลำตั้งแต่นั้่น ในยุคสมัยโน้น B-1B สามารถเพื่อนำระเบิดนิวเคลียร์หนัก 40 ตัน ไปทิ้งลงในกลางกรุงมอสโก สหภาพโซเวียตได้ นั่นคือในช่วงทศวรรษที่สงครามเย็นร้อนระอุ ปัจจุบันปลดระวางไปแล้วลายสิบลำ เปิดทางให้ B-2 และ B-21 "ปิศาจสเตลธ์" เต็มรูปเข้าประจำการแทนที่. -- Wikipedia.Org. |
2
3
4
5
6
ปลายปี 2556 สหรัฐเริ่มส่ง B-52 สองลำออกบินตรวจการณ์ ในน่านฟ้าทะเลจีนตะวันออกเป็นระยะๆ ในอาณาบริเวณที่จีนประกาศเป็น "เขตแสดงตนสำหรับการป้องกันทางอากาศ" (Air Defense Identification Zone -ADIZ) ซึ่งอากาศยานของทุกประเทศ จะต้องได้รับอนุญาตจากจีนเสียก่อน จึงจะบินผ่านได้
จีนยังไม่เคยส่งเครื่องบินขับไล่ หรือ อากาศยานใดๆ ขึ้นขัดขวางการบินตรวจการณ์ของ B-52 ได้แต่บินสอดแนมอยู่ห่างๆ แต่ก็มีบางกรณีที่นักบินจีนบินโฉบเข้าใกล้ หรือ บินตัดหน้ากระชิด และ เมื่อฝ่ายสหรัฐประท้วงไปในภายหลัง จีนมักปฏิเสธ
บี-52 ยังออกปฏิบัติการคล้ายกันนี้ อย่างเป็นปรกติในทะเลจีนใต้ เช่นเดียวกันเรือพิฆาต กับเรือลาดตระเวณของกองทัพเรือสหรัฐ
การส่ง B-1B ไปประจำเกาะกวม ยังมีขึ้นท่ามกลางข่าวเล่าลือที่ว่า สหรัฐกำลังจะส่ง F-22 "แร็พเตอร์" (Raptor) จำนวน 1 ฝูง ไปประจำฐานทัพอากาศคลาร์ก ในฟิลิปปินส์ ซึ่งฝ่ายสหรัฐยังไม่ยืนยัน หรือ ตอบปฏิเสธรายงานข่าวนี้
นอกจากนั้นก็ยังมีขึ้นในขณะที่จีนกับรัสเซีย จะร่วมกันฝึกซ้อมทางเรือในทะเลจีนใต้ในอีกไม่นาน ซึ่งเป็นการฝึกซ้อมประจำปี นับตั้งแต่สองฝ่ายสถาปนาการเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน เมื่อปี 2527
ก่อนหน้านี้ไม่นาน สหรัฐส่ง A-10 "ธันเดอร์โบลต์ II" (Thunderbolt II หรือ "Warthog") ซึ่งเป็นเครื่องบินโจมตีสนับสนุนการรบภาคพื้นดิน จำนวน 5 ลำ ไปประจำในฟิลิปปินส์ พร้อมเครื่องบินทำสงครามอีเล็กทรอนิกส์ EA-18 "โกรวเลอร์" (Growler) อีก 4 ลำ
ตามรายงานของสื่อกลาโหม สหรัฐกำลังเจรจาทำความตกลงกับออสเตรเลีย เพื่อส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล ไปใช้ฐานทัพอากาศ ในดินแดนทางตอนเหนือของประเทศนั้น.