เอพี/MGR ออนไลน์ - พรรครีพับลิกันดูเหมือนกำลังใกล้ที่จะถึงจุดแตกหักกับ โดนัลด์ ทรัมป์ แล้ว
ขณะที่ ทรัมป์ กระโจนจากมุกหลุดๆ อันหนึ่งเพียงเพื่อไปปล่อยมุกหลุดๆ อันต่อไปนั้น บรรดาผู้นำของรีพับลิกันในกรุงวอชิงตันและในมลรัฐที่มีการแข่งขันดุเดือดที่สุดก็เริ่มต้นพิจารณาไตร่ตรองกันอย่างเปิดเผยในเรื่องที่จะหันหลังให้ตัวแทนลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคของพวกเขากันแล้ว ด้วยจุดประสงค์ที่จะป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งที่พวกเขาหวาดเกรง นั่นก็คือการพ่ายแพ้อย่างกว้างขวางยับเยินของรีพับลิกันในวันเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ในวันเลือกตั้งของสหรัฐฯ 8 พฤศจิกายนปีนี้ นอกจากจะเป็นการชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว ยังจะมีการแข่งขันชิงเก้าอี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภา, เลือกตั้งวุฒิสมาชิก 34 ที่นั่งจากทั้งสภา 100 ที่นั่ง, เลือกตั้งผู้ว่าการรัฐ 12 รัฐจาก 50 มลรัฐ, ตลอดจนมีการชิงชัยตำแหน่งในระดับรัฐและระดับท้องถิ่นอีกด้วย
ย้อนกลับไปในปี 1996 รีพับลิกันหรือที่เรียกกันว่า “แกรนด์ โอลด์ ปาร์ตี้ (จีโอพี) ก็เคยยกเลิกความพยายามจำนวนมากที่จะทุ่มเทให้แก่ บ็อบ โดล ผู้สมัครของพรรคในตอนนั้น ทันทีทีกระจ่างชัดเจนว่าเขาแทบไม่มีโอกาสที่จะชนะเลย ดังนั้นเรื่องนี้จึงใช่ว่าจะไม่เคยมีแบบอย่างมาก่อน กระนั้นก็ตาม นี่ก็ยังคงเป็นลู่ทางความเป็นไปได้ที่ดูแปลกประหลาดอยู่สำหรับเวลานี้ ในเมื่อยังเหลืออีกเวลาราวๆ 3 เดือนทีเดียวก่อนวันเลือกตั้ง 8 พฤศจิกายน และยังมีเวลาอีกหลายสัปดาห์ก่อนการโต้วาที 3 นัดระหว่าง ทรัมป์ กับ ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครของพรรคเดโมแครต
อย่างไรก็ดี ชาวรีพับลิกันหลายคนซึ่งอุทิศชีวิตในช่วงวัยแห่งอาชีพการงานของพวกตนให้แก่การเลือกตั้งผู้สมัครของ จีโอพี มาโดยตลอด บอกว่าพวกเขาเชื่อว่ารีพับลิกันน่าที่จะสูญเสียทำเนียบขาวไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้พวกเขาต่างโกรธเกรี้ยวต่อการเล่นการเมืองแบบสร้างความแตกแยกของทรัมป์ และการที่เขายืนกรานที่จะทำการรณรงค์หาเสียงในช่วงเลือกตั้งใหญ่ของผู้มีสิทธิออกเสียงทั่วประเทศนี้ ในลักษณะเดียวกับวิธีที่เขาใช้เมื่อช่วงการเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อหาตัวแทนของพรรค
“เมื่อพิจารณาจากผลงานการรณรงค์หาเสียงของเขาแล้ว มันไม่มีโอกาสเลยที่เขาจะชนะ” ซารา ฟาเกน ที่เคยเป็นผู้อำนวยการด้านการเมืองให้กับอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช กล่าวฟันธง “เขากำลังสูญเสียประชาชนกลุ่มต่างๆ ไปโดยที่เขาไม่สามารถช่วงชิงกลับมาได้อีก”
ทางฝ่ายทีมรณรงค์หาเสียงของทรัมป์นั้นยังคงมองว่า สิ่งต่างๆ กำลังเคลื่อนไปในทิศทางที่ถูกต้องอยู่แล้ว ถึงแม้จุดยืนเช่นนี้เองที่กลายเป็นตัวสร้างความหงุดหงิดโกรธเกรี้ยวในหมู่ชาวจีโอพีที่ไม่พอใจเขา พวกผู้จงรักภักดีต่อนักธุรกิจอภิมหาเศรษฐีรายนี้กล่าวว่า ยังคงมีเวลามากเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงผลักดันกระแสให้ไปในทางต่อต้านคัดค้านคลินตัน ผู้ซึ่งก็คล้ายๆ กับทรัมป์นั่นแหละเป็นคนที่พวกผู้ออกเสียงจำนวนมากรังเกียจอย่างล้ำลึก
ขณะเดียวกัน พวกที่หนุนหลังเขายังกำลังประณามสื่อมวลชนว่าเป็นตัวสร้างให้เกิดความรับรู้ความเข้าใจที่ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปในทางที่ไม่ดีไม่ถูกต้อง
“พูดกันตามตรงนะ เรื่องตั้งเยอะแยะเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนะ ... มันเป็นการที่เขากำลังถูกบิดเบือนนะแหละ” พอล แมแนฟอร์ต ประธานทีมรณรงค์ของทรัมป์กล่าว “เพราะตั้งแต่สักอาทิตย์ที่แล้วเป็นต้นมา เขากำลังวางตัวอย่างมีโฟกัสมากๆ และกำลังเล่นไปตามเกมของเขาได้อย่างมากๆ แล้ว”
เป็นความจริงที่ทรัมป์แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงขึ้นมาบ้างเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในการวางตัวเป็นผู้สมัครลงแข่งขัน เขายอมหยุดวิพากษ์วิจารณ์ครอบครัวที่เป็นมุสลิมของทหารสหรัฐฯซึ่งพลีชีพไปในสงครามอิรัก เช่นเดียวกับเลิกการทำศึกกับสมาชิกรัฐสภาบางคนซึ่งเป็นที่เคารพนับถือกันมากที่สุดในพรรครีพับลิกัน
ทว่า ในช่วง 7 วันที่ผ่านมานี้แหละ ทรัมป์ยังคงตั้งคำถามต่อคำแนะนำของพวกผู้ช่วยระดับอาวุโส, ข่มขู่ที่จะหยุดการออกงานหาเงินบำรุงให้พรรค, มองข้ามประโยชน์ของการใช้วิธีออกไปไล่เก็บคะแนนโหวต และแก้ต่างให้แก่การตัดสินใจของตนเองที่ไม่ออกโฆษณาทางทีวีใดๆ เลย กระทั่งในเวลาที่พวกปรปักษ์ของเขาเที่ยวอัดสปอตโฆษณาหนุนหลังคลันตันเต็มไปหมดในรัฐที่เป็นสมรภูมิแย่งชิงกันหลายต่อหลายรัฐ
ทั้งหมดเหล่านี้ได้กลายเป็นเครื่องช่วยบดบังชั้นดีทีเดียว ให้แก่เนื้อหาการติดต่อทางอีเมลจำนวน 44 ฉบับของคลินตันขณะเธอเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศที่ยังไม่เคยถูกเผยแพร่มาก่อน อีเมลเหล่านี้ถูกนำออกเปิดเผยต่อสาธารณชนในวันอังคาร (9) และแสดงให้เห็นการที่เธอมีปฏิสัมพันธ์ทั้งกับพวกนักล็อบบี้, การติดต่อทางการเมืองและความเกี่ยวพันกับพวกบริจาคเงินให้มูลนิธิคลินตัน, ตลอดจนผลประโยชน์ต่างๆ ทางภาคธุรกิจในตอนที่เธอนั่งอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ
สำหรับชาวรีพับลิกันบางคนแล้ว สถานการณ์เท่าที่บังเกิดขึ้นมานี้เป็นเหตุผลเพียงพอแล้วสำหรับการที่พรรคจะยกเลิกการสนับสนุนบุคคลผู้ที่พวกเขาเสนอชื่อชิงทำเนียบขาว
ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ของจีโอพีกว่า 100 คน ในจำนวนนี้เป็นอดีต ส.ส.อย่างน้อย 6 คน และอดีตผู้ช่วยทำงานอยู่ที่คณะกรรมการแห่งชาติของพรรครีพับลิกันอีกกว่า 20 คน ได้ร่วมกันลงนามในจดหมายฉบับหนึ่ง ซึ่งมีเนื้อหาขอร้องให้ เรนซ์ พรีบัส ประธานพรรค ยุติการเข้าช่วยเหลือการรณรงค์หาเสียงของทรัมป์
“พวกเขากำลังจะทำเรื่องนี้โดยเห็นว่าควรต้องทำกันโดยเร็ว พวกเขาควรทำเรื่องนี้โดยเร็วก็เพื่อให้สร้างผลกระทบได้มากขึ้น” วิน เวเบอร์ อดีต ส.ส.จากรัฐมินเนโซตา หนึ่งในผู้ลงนามจดหมายฉบับดังกล่าว เปิดเผยให้สื่อมวลชนฟัง
ชาวรีพับลิกันระดับอาวุโสทั้งในกรุงวอชิงตัน และในบางรัฐที่เป็นสนามซึ่งมีการต่อสู้ช่วงชิงกันหนักที่สุด ยังได้หารือถกเถียงกันเกี่ยวกับภาพสมมุติสถานการณ์ซึ่งพรรคจะลดระดับการโฟกัสการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ในบรรดารัฐซึ่งไม่ได้เป็นสนามแข่งขันระดับท็อปของการชิงชัยวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ อาทิ พวกเขาอาจทอดทิ้งรัฐอย่างเช่นเวอร์จิเนีย และหันไปโฟกัสมากขึ้นในรัฐอย่างเช่นอินดีแอนา เพราะที่นั่น อีแวน บายฮ์ ของเดโมแครต กำลังพยายามหนักที่จะชิงตำแหน่งวุฒิสมาชิกกลับคืนไป
ตามคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่รีพับลิกันหลายต่อหลายคนทั้งที่กรุงวอชิงตันและที่รัฐซึ่งจะได้รับผลกระทบกระเทือน รัฐที่จะเจอแบบนี้ยังรวมถึง โอไฮโอ, เพนซิลเวเนีย และนิวแฮมป์เชียร์ พวกเขาพูดกับสำนักข่าวเอพีโดยต่างขอให้สงวนนาม เนื่องจากพวกเขาไม่ได้มีอำนาจที่จะนำเอาการหารือถกเถียงเป็นการภายในเหล่านั้นมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน
ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ว่ามีแผนการอย่างเป็นทางการที่จะแตกหักกับทรัมป์แล้ว ไม่ว่าในระดับรัฐหรือในระดับคณะกรรมการแห่งชาติของรีพับลิกัน แต่เจ้าหน้าที่เหล่านี้ 3 คนยืนยันว่า ตัวพรีบัสเองก็ได้หารืออย่างไม่เป็นทางการถึงความเป็นไปได้นี้กับพวกผู้นำพรรคในรัฐที่เป็นสมรภูมิสำคัญในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ถ้าหากเรื่องนี้จะเกิดขึ้นมา มันก็น่าจะเกิดขึ้นหลังจากช่วงวันหยุดวันแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 5 กันยายน เนื่องจากพรรคยังกำลังพึ่งพาอาศัยทรัมป์ให้ช่วยระดมหาเงินทุนสำหรับใช้จ่ายในการปฏิบัติการทางการเมืองอันมีขอบเขตกว้างขวางของตน ทว่า ปริมาณเงินที่จำเป็นต้องใช้นี้ย่อมลดต่ำลงเรื่อยๆ ในแต่ละวันที่ผ่านไป จึงทำให้คณะกรรมการแห่งชาติของรีพับลิกันมีเสรีภาพทางการเงินเพิ่มขึ้นมาก ในการเปลี่ยนแปลงเส้นทางขณะที่วันเลือกตั้งใกล้เข้ามา
อย่างไรก็ตาม การแหกคอกภายในหมู่เจ้าหน้าที่พรรครีพับลิกันเช่นนี้ ไม่ได้กระทบกระเทือนความสามารถของทรัมป์ในการดึงดูดผู้สนับสนุนให้เข้าร่วมการรณรงค์หาเสียงของเขา ลิซา ทอมป์สัน พนักงานดับเพลิงจากเมืองเซนต์คลาวด์ รัฐฟลอริดา หนึ่งในผู้คนจำนวนมากที่ยังคงไปเข้าแถวอันยาวเหยียดเป็นเวลาหลายๆ ชั่วโมง เพื่อจะได้มีโอกาสได้เห็นทรัมป์กล่าวปราศัยในงานชุมนุมหาเสียง
เธอบอกว่าพวกที่กำลังผิดหวังเมื่อเห็นทรัมป์ก้าวเดินผิดพลาดนั้น เป็นพวกที่ “อ่อนไหวเกินไป” อันเป็นความฟุ่มเฟือยชนิดที่สหรัฐฯซึ่งกำลังถูกคุกคามด้านความมั่นคงมากขึ้นทุกที ไม่สามารถยินยอมให้ได้ เธอจึงเรียกร้องทรัมป์ให้ยึดมั่นเหนียวแน่นกับวิธีการเล่นของเขาเอง
“ทำไมจะต้องไปเสแสร้งด้วย?” เธอตั้งคำถาม