เอเอฟพี - โรดริโก ดูเตอร์เต นายกเทศมนตรีขาใหญ่จากเมืองดาเวา เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 16 ของฟิลิปปินส์แล้วในวันนี้ (30 มิ.ย.) โดยยืนยันจะกวาดล้างอาชญากรรมให้หมดไปจากประเทศ และสนับสนุนให้ตำรวจใช้มาตรการรุนแรงต่อผู้ต้องสงสัย แต่ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะเป็นประธานาธิบดีผู้สร้างเอกภาพ และทำงานรับใช้ประชาชนทุกกลุ่ม
ดูเตอร์เต หันหลังให้กับธรรมเนียมของผู้นำฟิลิปปินส์คนก่อนๆ ซึ่งมักจะขึ้นปราศรัยต่อหน้าฝูงชนจำนวนมาก โดยเลือกที่จะกล่าวคำสาบานตนต่อหน้าผู้ฟังเพียงไม่กี่คนภายในทำเนียบมาลากันยัง พร้อมเตือนว่าในช่วงเวลา 6 ปีข้างหน้าอาจไม่ใช่เวลาที่ราบรื่นนัก
“ไม่มีผู้นำคนไหน ต่อให้แข็งแกร่งสักเพียงใดก็ตาม ที่จะทำเรื่องยิ่งใหญ่และสำคัญระดับชาติให้สำเร็จได้ หากปราศจากการสนับสนุนและความร่วมมือจากประชาชนซึ่งมอบหมายให้เขาขึ้นมาเป็นผู้นำ” ดูเตอร์เต กล่าวหลังเสร็จสิ้นพิธีสาบานตน
“หนทางข้างหน้าอาจยากลำบาก แต่ขอให้เดินไปพร้อมกับผม” ดูเตอร์เต กล่าวในบทสุนทรพจน์สั้นๆ ที่ย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องคืนความสงบเรียบร้อยสู่บ้านเมือง
“ปัญหาใหญ่ๆ ที่กัดกินบ้านเมืองเราอยู่ทุกวันนี้ และจำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด ก็คือการทุจริตคอร์รัปชันทั้งในระดับบนและล่าง อาชญากรรมบนท้องถนน ยาเสพติดที่แพร่ระบาดในทุกช่วงชั้นของสังคม และความล้มเหลวในการบังคับใช้กฎหมาย”
ดูเตอร์เตยืนยันว่า รัฐบาลของเขาจะมุ่งกวาดล้างอาชญากรรม “อย่างไม่ลดละและต่อเนื่อง” โดยคำนึงถึงขอบเขตของกฎหมาย พร้อมเตือนให้นักสิทธิมนุษยชนและนักวิจารณ์ทั้งหลายในรัฐสภาเคารพเสียงของประชาชนที่เลือกเขาขึ้นมา
“ในฐานะทนายความและอดีตอัยการ ผมรู้ดีว่าอำนาจของประธานาธิบดีมีขอบเขตแค่ไหน ผมรู้ว่าอะไรที่ทำได้ และทำไม่ได้ และผมจะยึดถือวิถีทางที่ถูกต้องแห่งกฎหมายโดยไม่มีการประนีประนอม”
ดูเตอร์เตยังพยายามแสดงบทผู้นำที่สร้างเอกภาพแก่สังคม โดยกล่าวว่า “ผมถูกเลือกขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีเพื่อรับใช้คนทั้งประเทศ ผมไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือชนชั้นใดชนชั้นหนึ่งเท่านั้น”
อดีตพ่อเมืองรายนี้ประกาศจะใช้มาตรการที่ดุดันแข็งกร้าวเพื่อกวาดล้างอาชญากรรมให้หมดไปจากฟิลิปปินส์ เช่น การรื้อฟื้นโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ, อนุมัติให้หน่วยงานความมั่นคงกระทำวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องสงสัย และตั้งเงินรางวัลเป็นค่าหัวผู้ค้ายาเสพติด เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้ประชาชนทั่วไปสังหารผู้ที่ต้องสงสัยเป็นอาชญากร
ดูเตอร์เต วัย 71 ปี ยังมีแผนประกาศเคอร์ฟิวห้ามเยาวชนออกไปเดินเที่ยวเตร่เพียงลำพังตามค่ำคืน และห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลังเวลา 24.00 น.เป็นต้นไป
ด้วยความที่เป็นคนโผงผางและปากร้าย ทำให้ ดูเตอร์เต เป็นผู้นำที่มีบุคลิกแตกต่างอย่างมากจากประธานาธิบดีเบนิโญ อากีโน ซึ่งถึงเวลาต้องอำลาตำแหน่ง
ดูเตอร์เต ซึ่งรั้งเก้าอี้นายกเทศมนตรีเมืองดาเวามาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี ชนะศึกเลือกตั้งผู้นำแดนตากาล็อกอย่างถล่มทลายไปเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ชี้ว่า กุญแจสำคัญที่ช่วยให้การหาเสียงของเขาประสบความสำเร็จอย่างสูง ก็คือคำมั่นสัญญาที่ว่าจะกวาดล้างอาชญากรรมให้หมดไปภายใน 3-6 เดือนหลังเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งข้อนี้ถือว่าโดนใจชาวเมืองตากาล็อกที่ต่างเอือมระอากับปัญหาอาชญากรรม และการทุจริตรับสินบนของเจ้าหน้าที่รัฐ
นักการเมืองฝีปากกล้าผู้นี้ขู่จะสังหารอาชญากรในฟิลิปปินส์ให้ถึง 100,000 คน และจะเอาศพคนเหล่านั้นไปทิ้งในอ่าวมะนิลา “เพื่อเป็นอาหารเลี้ยงปลาให้อ้วน”
กลยุทธ์หาเสียงที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของ ดูเตอร์เต ก็คือการชี้ให้เห็นถึง “ความล้มเหลว” ของรัฐบาลอากีโน ซึ่งแม้จะทำให้เศรษฐกิจฟิลิปปินส์เติบโตด้วยอัตราเร็วที่สุดในรอบหลายสิบปี แต่กลับไม่สามารถแก้ไขปัญหาขั้นพื้นฐานอย่าง ปัญหาจราจร, สถิติอาชญากรรมที่พุ่งสูงลิ่ว และวงจรความยากจน
ดูเตอร์เต สร้างความไม่พอใจแก่เอกอัครราชทูตของชาติพันธมิตรสำคัญอย่างสหรัฐฯ และออสเตรเลียตั้งแต่ยังไม่เข้ารับตำแหน่ง หลังออกมาพูดล้อเล่นว่าอยากจะลอง “ข่มขืน” มิชชันนารีสาวชาวออสเตรเลียคนหนึ่ง ซึ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศ และฆ่าทิ้งระหว่างที่นักโทษเรือนจำเมืองดาเวาก่อเหตุจลาจลเมื่อปี 1989
ดูเตอร์เต ยังพูดแบบไม่แคร์สื่อว่า นักข่าวฟิลิปปินส์ที่ถูกสังหารไปเป็นจำนวนมากในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา “สมควรตาย” ซึ่งทำให้เลขาธิการสหประชาชาติ บัน คีมูน ถึงกับออกมาแถลงติเตียน
ดูเตอร์เต ถูกกล่าวหาว่าตั้ง “หน่วยล่าสังหาร” ปลิดชีพผู้ต้องสงสัยกระทำความผิดไปกว่า 1,000 คน ในช่วงเวลากว่า 20 ปีที่เป็นนายกเทศมนตรีเมืองดาเวา และแม้เจ้าตัวจะอ้างว่านโยบายนี้ทำให้ดาเวาเป็นหนึ่งในเมืองที่ปลอดภัยที่สุดของฟิลิปปินส์ แต่หลายฝ่ายก็กังวลว่าระบบ “ศาลเตี้ย” เช่นนี้จะยิ่งแพร่หลายหลังจากที่ ดูเตอร์เต ได้เถลิงอำนาจ
ด้วยการสนับสนุนจากดูเตอร์เต ตำรวจฟิลิปปินส์ได้ทำการวิสามัญฯ อาชญากรไปแล้วหลายสิบรายตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. ในขณะที่นายกเทศมนตรีคนใหม่ของเมืองเซบู (Cebu) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของฟิลิปปินส์ ก็ประกาศให้เงินรางวัลแก่ตำรวจที่สังหารผู้ต้องสงสัยค้ายาเสพติด
นอกจากคำขู่ปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความอกสั่นขวัญแขวน ดูเตอร์เต ก็ยังให้สัญญาว่าจะปฏิรูปบ้านเมืองอีกหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือการเปลี่ยนระบบการปกครองแบบรวมศูนย์ไปเป็นระบอบสหพันธรัฐ (federal system) โดยจะมีการจัดตั้งรัฐใหม่ๆ ซึ่งมีอำนาจปกครองตนเองเพิ่มขึ้น และมีสิทธิ์สงวนรายได้ส่วนใหญ่ไว้ภายในรัฐของตนเอง
อย่างไรก็ตาม การจะทำเช่นนี้ได้ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญขนานใหญ่
ดูเตอร์เต ยังรับปากจะยุติปัญหาความไม่สงบจากฝีมือกบฏมุสลิมและกบฏลัทธิเหมา ซึ่งได้คร่าชีวิตชาวฟิลิปปินส์ไปนับแสนคนในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยจะเริ่มเจรจาสันติภาพกับกบฏลัทธิเหมาที่กรุงออสโลภายในเดือน ก.ค. และเชื่อว่าระบอบสหพันธรัฐน่าจะเป็นที่พึงพอใจสำหรับกบฏมุสลิมซึ่งต้องการอำนาจปกครองตนเองเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว