ปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ เพื่อเฟ้นหาตัวผู้นำคนต่อไปที่จะก้าวขึ้นมาครองอำนาจใน “ทำเนียบมาลากันยัง” ต่อจากประธานาธิบดีเบนินโญ “นอยนอย” อากิโน ที่ 3 ที่ถึงคราวหมดวาระ
ผลการเลือกตั้งที่ออกมาปรากฏว่า ผู้สมัครที่ก่อนหน้านี้ถือเป็น “ม้านอกสายตา” อย่าง โรดริโก โรอา ดูเตร์เต ในวัย 71 ปีกลับเข้าป้ายคว้าชัยชนะมาครองได้อย่างค่อนข้างพลิกล็อกเล็กๆ เพราะแทบไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า นายกเทศมนตรีขาโหดแห่งเมืองดาเวา ซิตี้ บนเกาะมินดาเนาซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการปราบอาชญากรรมแบบถึงลูกถึงคนรายนี้ จะมาไกลถึงขึ้นคว้าเก้าอี้ผู้นำแดนตากาล็อกคนที่ 16 ในประวัติศาสตร์ไปครองได้
โรดริโก โรอา ดูเตร์เต ซึ่งมีชื่อเล่นว่า “ดิก็อง” และมีดีกรีเป็นนายกเทศมนตรีเมืองดาเวาถึง 7 สมัย หรือนานเกินกว่า 22 ปีรายนี้เป็นฝ่ายเข้าป้ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาไปครองได้แบบถล่มทลาย ชนิดที่ทำให้บรรดาผู้สมัครคู่แข่งต่างทยอยดาหน้ากันออกมายอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองตั้งแต่ที่ผลการเลือกตั้งแบบเป็นทางการยังไม่คลอด
ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการระบุว่า นายกเทศมนตรีวัย 71 ปีที่บริหารนครดาเวาแบบถึงลูกถึงคนผู้นี้ ได้คะแนนเสียงนำผู้สมัครที่มาเป็นอันดับสองถึงกว่า 6 ล้านคะแนนเสียง จากคะแนนเสียงที่นับแล้วเกินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ของผู้มีออกเสียง 54 ล้านคน ที่เข้าคูหากาบัตรเลือกตั้งเมื่อวันจันทร์ (9 พ.ค.) ที่ผ่านมา
ในสมัยที่นั่งเก้าอี้นายกเทศมนตรีเมืองดาเวา ซิตี้นั้น ดูเตร์เตได้ใจประชาชนในพื้นที่ไปแบบเต็มๆ จากนโยบายของเขาที่ไม่อดทนอดกลั้นต่ออาชญากรรมทุกรูปแบบ จนนิตยสารไทม์ตั้งฉายาให้เขาเป็น "The Punisher" ที่จับกุมบรรดานักค้ายาเสพติด และสมาชิกกลุ่มอาชญากร มาประหารชีวิตแบบเป็นว่าเล่น จนอัตราการเกิดคดีอาชญากรรมของเมืองดาเวาลดลงอย่างฮวบฮาบ ทั้งๆที่ในช่วงทศวรรษที่ 1970 – 1980 เมืองแห่งนี้จะถูกขนานนามว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งการฆาตกรรมและการข่มขืนของฟิลิปปินส์”
ก่อนหน้านี้ ดูเตร์เตเคยได้รับการทาบทามให้ลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งผู้นำฟิลิปปินส์มาแล้วหลายหน แต่เจ้าตัวปฏิเสธมาโดยตลอดด้วยเหตุผลที่ว่าระบบการเลือกตั้งของแดนตากาล็อกในช่วงที่ผ่านมา ยังเต็มไปด้วยกลโกงและความฉ้อฉล แต่การประกาศตัวลงชิงชัยของดูเตร์เตเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนปีที่แล้วมีขึ้นภายใต้เหตุผลที่เจ้าตัวอ้างว่า เขามีความเชื่อมั่นในความโปร่งใสของการเลือกตั้งคราวนี้ บวกกับสมาชิกในครอบครัวต่างเห็นพ้องว่าถึงเวลาแล้วที่พ่อเมืองดาเวาผู้นี้จะต้องกระโจนลงสู่การเมืองสนามใหญ่เสียที
หลังทราบผลการเลือกตั้งว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของฟิลิปปินส์ ประกาศยืนยันในวันอังคาร (10 พ.ค.) จะเดินหน้ากวาดล้างอาชญากรรมทั่วประเทศให้สิ้นซากภายใน 6 เดือน ตามที่ให้คำมั่นสัญญาไว้ตอนหาเสียงกับประชาชน รวมทั้งยังมีแผนยกเครื่องการบริหารงานภาครัฐบาลใหม่ เพื่อกระจายอำนาจให้แก่จังหวัดต่างๆ ตลอดจนเตรียมหารือกับสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยตรงเพื่อแก้ไขข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ที่เรื้อรังมายาวนาน
นักวิเคราะห์ระบุว่า ชัยชนะของดูเตร์เตมาจากการที่เขา “ได้ใจ” ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งชาวฟิลิปปินส์ จากการประกาศใช้มาตรการเด็ดขาดแก้ปัญหาอาชญากรรมและความยากจนอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด อีกทั้งยังมีคำมั่นสัญญาจะขุดรากถอนโคนปัญหาด้านอื่นๆ ที่สะสมเรื้อรังอยู่ในสังคมฟิลิปปินส์มายาวนาน ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงปัญหาการทุจริตโกงกินในภาครัฐ ที่ดูเตร์เตประกาศว่า จะเอาผิดกับข้าราชการนอกรีตอย่างจริงจังและว่า “ข้าราชการที่กระทำทุจริตสมควรตายหรือลาออก”
อย่างไรก็ดี กูรูการเมืองในแดนตากาล็อกจากหลายสำนักฟันธงว่า ดูเตร์เตคงไม่มีเวลามากนักสำหรับการฉลองชัยชนะอันหอมหวาน เนื่องจากเขามีความท้าทายและปัญหาอีกมากมายที่รอคอยให้เข้าไปแก้ไขจัดการอยู่เบื้องหน้า ท่ามกลางการปรามาสของกลุ่มการเมืองอำนาจเก่าที่ระบุว่า ดูเตร์เตซึ่งเก่งแต่เรื่องการปราบอาชญากรรมอาจ “ตกม้าตาย” ในไม่ช้าหลังขึ้นครองตำแหน่งประธานาธิบดี เพราะในความเป็นจริงแล้ว ฟิลิปปินส์ถูกรุมเร้าด้วยปัญหานานัปการ ที่ไม่ได้มีแต่เฉพาะปัญหาอาชญากรรม
ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ (9) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชื่อก้องโลกอย่าง สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส หรือ เอสแอนด์พี ได้ออกโรงเตือนว่า การก้าวขึ้นเป็นผู้นำฟิลิปปินส์ของดูเตร์เต อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนในทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหากเขาเลือกที่จะพุ่งชนกลุ่มอำนาจเก่าทางการเมืองตามที่หาเสียง รวมถึงการใช้อำนาจรัฐจัดการกับกลุ่มนายทุนผูกขาดที่ครอบงำระบบเศรษฐกิจของชาติ
แม้ถึงเวลานี้ ดูเตร์เตจะยังไม่ถือเป็นผู้ชนะอย่างเป็นทางการ และพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของเขายังคงต้องรอถึงวันที่ 30 มิถุนายน แต่แหล่งข่าวในกรุงมะนิลาเผยว่า นายกเทศมนตรีขาโหดจากดาเวา ซิตี้ รายนี้ ได้เตรียมตั้งคณะรัฐบาลเข้าบริหารประเทศแล้ว ท่ามกลางกระแสข่าวที่ระบุ ดูเตร์เตเตรียมเลือกเฟ้นเหล่ารัฐมนตรีโดยเน้นผลงานมากกว่าชื่อเสียงเป็นสำคัญ
ในเวลานี้ คงยังเร็วเกินไปที่จะไปด่วนตัดสินว่า นายกเทศมนตรีซึ่งมีชื่อเสียงด้านการปราบอาชญากรรมอย่างดูเตร์เตจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใดในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 16 ในประวัติศาสตร์ของฟิลิปปินส์ดินแดนที่ถูกรุมเร้าไปด้วยปัญหาร้อยแปดประการทั้งทางด้านการเมือง ความมั่นคง ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจแต่ถึงกระนั้นก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การก้าวขึ้นครองอำนาจของดูเตร์เต จะเป็นอีกหนึ่งสีสันในแวดวงการเมืองของเพื่อนบ้านอาเซียนที่น่าติดตามไม่น้อยในช่วงเวลาหลายปีนับจากนี้