เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้ (27 ม.ค.) ในการเสด็จเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการของพระประมุขญี่ปุ่น สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะทรงได้หารือร่วมกับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เบนิกโน อากีโนที่ 3 ที่ทำเนียบมาลากันยัง และมีรายงานว่าคนทั้งคู่ได้สนทนาอย่างสนิทสนมหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำของญี่ปุ่น “ยูนิโคล่” ปัญหาการจราจรมะนิลา หรือรถญี่ปุ่น และยังเสด็จเยือนสุสานและอนุสรณ์สถาน Libingan ng mga Bayani ที่ฝังร่างทหารฟิลิปปินส์ที่ได้เสียชีวิตในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
อินไควเรอร์ สื่อฟิลิปปินส์ รายงานเมื่อวานนี้ (27 ม.ค.) ว่า รัฐมนตรีการสื่อสารฟิลิปปินส์ เฮอร์ไมนิโอ โคโลมา จูเนียร์ (Herminio Coloma Jr) ได้ออกแถลงการณ์ถึงการพบปะระหว่างสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะกับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เบนิกโน อากีโนที่ 3 ที่ทำเนียบมาลากันยังว่า ทั้งสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกได้ทรงกล่าวถึงประสบการณ์ความทรงจำในอดีตเกี่ยวกับเมืองบาเกียว (Baguio) และเมืองตาไกไต (Tagaytay) ร่วมกับผู้นำฟิลิปปินส์ในวันพุธ (27 ม.ค.)
โดยสื่อฟิลิปปินส์ชี้ว่า พระประมุขของญี่ปุ่นเสด็จเยือนฟิลิปปินส์ครั้งสุดท้ายในปี 1962
และนอกจากนี้โคโลมายังแถลงต่อว่า ในการหารือนั้นคนทั้งสามยังได้สนทนาถึงปัญหาการจราจรที่คับคั่งในเขตเมืองหลวงของฟิลิปปินส์ที่เรียกว่าโซน NCR ที่เกิดขึ้นจากการเพิ่มยอดจำหน่ายของรถยนต์ในประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น
และรวมไปถึงความโด่งดังของเสื้อผ้าแบรนด์ชั้นนำจากญี่ปุ่น เช่น “ยูนิโคล่” ในฟิลิปปินส์ ที่มีร้านบูติกสโตร์ผุดขึ้นในกรุงมะนิลา รวมไปถึงเทคโนโลยีฮีทเทคซึ่งถูกคิดค้นโดยบริษัทเสื้อผ้าแบรนด์นี้
ทั้งนี้ อินไคว์เรอร์รายงานเพิ่มเติมว่า ร้านบูติกสโตร์ของแบรนด์ยูนิโคล่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในฟิลิปปินส์ ซึ่งยูนิโคล่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคโดยมีสินค้าเสื้อชุดลองจอห์น “ฮีทเทค” ที่สามารถทำให้ร่างกายอบอุ่นในฤดูหนาว
และในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เบนิกโน อากีโนที่ 3 ได้นำปัญหาจราจรที่คับคั่งในโซน NCR เข้ากราบบังคมทูลกับทั้งสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโก โดยชี้ว่า ที่กรุงมะนิลามีปัญหาจราจรคับคั่งสืบเนื่องมาจากพลังอำนาจในการซื้อของผู้บริโภคฟิลิปปินส์ที่มีเพิ่มมากขึ้น และทำให้ยอดขายรถในฟิลิปปินส์เพิ่มสูงขึ้นตาม
นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ อัลเบิร์ต เดล โรซาริโอ (Albert del Rosario) ยังได้เสริมว่า “ตลอดช่วงการหารือ การพบปะเป็นไปอย่างชื่นมื่น และมีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น”
โดยเดล โรซาริโอแถลงเพิ่มเติมว่า “ท่านประธานาธิบดีและนางอาเบลลาดา (Abellada) หรือโคราซอน พิงกี ได้ถวายรายงานเกี่ยวกับจำนวนนักท่องเที่ยวชาวฟิลิปปินส์ที่เดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นจำนวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”
นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ยังกล่าวต่อว่า เป็นเพราะทั้งสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโก จะเสด็จเยือนสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติของฟิลิปปินส์ IRRI ทำให้สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นตรัสเน้นหนักไปถึงความสำคัญในการพัฒนาการเกษตรโลก
ซึ่งเดล โรซาริโอ ได้สรุปว่า การพบปะระหว่างพระประมุขแห่งญี่ปุ่นกับผู้นำฟิลิปปินส์เป็นไปอย่างอบอุ่นและฉันมิตร
สื่อฟิลิปปินส์รายงานว่า สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกทรงมีกำหนดการเยือนฟิลิปปินส์เป็นเวลา 5 วันในโอกาสฉลองครบรอบ 60 ปีที่ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์หวนกลับมามีความสัมพันธ์ทางการทูตตามปกติ
นอกจากนี้ ในวันพุธ (27) ยังมีรายงานว่า จากการเปิดเผยของเอเอฟพี สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกได้เสด็จไปเยือนสุสานและอนุสรณ์สถาน Libingan ng mga Bayani ซึ่งเป็นสุสานทหารกล้าในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่ฝังร่างทหารฟิลิปปินส์จำนวนมากไว้ที่นี่
ซึ่งในการเสด็จเยือนฟิลิปปินส์ครั้งนี้พระประมุขญี่ปุ่นมีพระประสงค์เพื่อต้องการชูความเป็นทูตสันติภาพต่อบรรดาชาติที่เคยอริในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางความกดดันในปัญหาพรมแดนทางทะเลที่มีจีนประกาศอ้างสิทธิครอบครองพื้นที่เกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ และทะเลจีนตะวันออก
เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะถือเป็นกษัตริย์แห่งญี่ปุ่นพระองค์แรกที่ได้เสด็จเดินทางมาเยือนฟิลิปปินส์
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกได้ทรงใช้เวลาหารือร่วมกับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เบนิกโน อากีโนที่ 3 ที่ทำเนียบมาลากันยังในช่วงเช้าวันพุธ (27) อยู่นั้น เอเอฟพีรายงานว่า บริเวณด้านนอกทำเนียบรัฐบาลฟิลิปปินส์มีผู้ประท้วงจำนวน 200 รายชูป้ายประท้วง ซึ่งในจำนวนนั้นรวมไปถึงอดีตหญิงคลายอารมณ์จำนวน 7 ราย เพื่อเรียกร้องค่าชดเชยและคำขอโทษอย่างเป็นทางการจากญี่ปุ่นถึงการกระทำอันป่าเถื่อนของกองทัพญี่ปุ่นที่ใช้หญิงชาวฟิลิปปินส์หลายพันคนเป็นเครื่องดับอารมณ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
นาร์ซิซา คลาเวรา (Narcisa Claveria) อดีตเหยื่อหญิงคลายอารมณ์ชาวฟิลิปปินส์ วัย 85 ปี ได้ตะโกนผ่านโทรโข่งเข้าไปยังทำเนียบว่า “ถึงจักรพรรดิญี่ปุ่น ให้กลับไปบอกกับนายกรัฐมนตรีของคุณเกี่ยวกับคุณย่าชาวฟิลิปปินส์ที่กำลังต่อสู้เพื่อสิทธิของเธอเหล่านั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย”
ทั้งนี้ อินไควเรอร์รายงานเพิ่มเติมต่อว่า ในวันศุกร์ (29) ทั้งสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกทรงมีกำหนดการเสด็จเยือนสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติของฟิลิปปินส์ IRRI ที่เมืองลอส บาโนส ลากูนา
