เอเอฟพี / เอเจนซีส์ / MGR online – ผู้นำแคว้นสกอตแลนด์และยิบรอลตาร์ เปิดการหารือในวันอังคาร (28 มิ.ย.) เพื่อหาช่องทางให้ดินแดนของตน ได้อยู่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับสหภาพยุโรป (อียู) ต่อไป หลังจากที่สหราชอาณาจักรเลือกการโหวตออกจากการเป็นสมาชิกขององค์กรความร่วมมือแห่งนี้
รายงานข่าวระบุว่า แม้ยิบรอลตาร์ จะถูกผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักรตั้งแต่เมื่อกว่า 300 ปีก่อน แต่ประชาชนส่วนใหญ่ในดินแดนซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของสเปนแห่งนี้กลับลงคะแนน หนุนให้สหราชอาณาจักรอยู่ในกลุ่ม 28 ชาติอย่างอียูต่อไป
เช่นเดียวกับในสกอตแลนด์ ที่ประชาชนส่วนใหญ่ในแคว้นแห่งนี้ ลงคะแนนหนุนการอยู่ร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปต่อไปเช่นกัน
คำแถลงจากรัฐบาลท้องถิ่นของยิบรอลตาร์ระบุว่า กำลังพิจารณาทุกตัวเลือกเพื่อปกป้องจุดยืนของยิบรอลตาร์ในฐานะส่วนหนึ่งของอียูในอนาคต และว่าฟาเบียน ปิการ์โด ผู้นำรัฐบาลยิบรอลตาร์ได้หารือเรื่องนี้กับนิโคลา สเตอร์เจียน ผู้นำแคว้นสกอตแลนด์แล้วถึงความเป็นไปได้และผลกระทบต่างๆ ของการที่ดินแดนทั้งสองแห่งนี้ของสหราชอาณาจักรจะยังคงขอเป็นส่วนหนึ่งกับอียูต่อไป
รายงานข่าวระบุด้วยว่า สเตอร์เจียนมีกำหนดเดินทางเยือนกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียมในช่วงกลางสัปดาห์นี้ เพื่อตอกย้ำว่า สกอตแลนด์ยังคงต้องการรักษาความเป็นส่วนหนึ่งของอียูต่อไป
ด้านนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ เดินทางถึงกรุงบรัสเซลส์ ในวันอังคาร (28 มิ.ย.) เพื่อเข้าร่วมการประชุมซัมมิตที่บรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียด โดยที่เหล่าผู้นำชาติยุโรปผู้โกรธเกรี้ยว กำลังกดดันให้รัฐบาลลอนดอนเร่งดำเนินกระบวนการถอนตัวออกจากอียูโดยเร็ว อีกทั้งยืนกรานว่าจะไม่มีการอ่อนข้อ หรือให้การปฏิบัติเป็นพิเศษใด ๆ แก่อังกฤษ
ห้าวันหลังจากชาวอังกฤษสร้างความตื่นตะลึงให้แก่อียู ด้วยการลงประชามติให้ถอนตัวออกจากสหภาพที่ประกอบด้วยรัฐสมาชิก 28 ชาตินี้ พวกผู้นำยุโรปก็ดูมีท่าทีเป็นเอกภาพ และพร้อมที่จะแจ้งให้อังกฤษทราบอย่างตรงไปตรงมาว่าพวกเขาต้องการให้ลอนดอนถอนตัวออกไปโดยเร็ว และอย่าหวังว่าจะได้รับอภิสิทธิ์ใด ๆ
โดนัลด์ ทุสก์ ประธานคณะมนตรียุโรป แถลงว่า อียูพร้อมที่จะเริ่มกระบวนการหย่าขาดกับอังกฤษ “แม้กระทั่งในวันนี้เลย” พร้อมกับสำทับว่า เขาได้สั่งห้ามเจ้าหน้าที่อียูทั้งหลายจัดการพูดจา “ลับ ๆ” กับอังกฤษแล้ว ขณะที่รัฐสภายุโรปก็เรียกร้องให้อังกฤษเริ่มต้นกระบวนการถอนตัวออกไป “โดยเร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้”
ในกรุงเบอร์ลิน นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี กล่าวเตือนว่า คาเมรอนไม่ควรคิดว่าในการเจรจากับอียูเรื่องการถอนตัวออกไปนั้น อังกฤษจะสามารถเลือกหยิบเอาไปแต่สิ่งดี ๆ และอังกฤษต้องเตรียมตัวที่จะจ่ายสำหรับเรื่องการผละจากไปนี้ด้วย
“ใครก็ตามที่ปรารถนาจะผละจากครอบครัวนี้ ไม่สามารถคาดหมายเพียงว่าจะละทิ้งความผูกมัดทั้งหมดทั้งปวง แต่ยังจะเก็บอภิสิทธิ์ต่าง ๆ เอาไว้” นางแมร์เคิลกล่าวต่อรัฐสภาเยอรมัน
การประชุมซัมมิตอียูในวันอังคาร (28) เปิดขึ้นท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวอย่างล้ำลึกของผู้นำยุโรปอื่น ๆ อีก 27 ชาติ ที่มีต่อคาเมรอน โดยแรกสุดทีเดียว คือ การที่เขาประกาศจัดให้มีการลงประชามติ “เบร็กซิต” และประการต่อมา นั่นคือ การรณรงค์หาเสียงของเขาซึ่งนำไปสู่ความพ่ายแพ้ของฝ่ายที่ต้องการอยู่กับอียู ต่อไป
ความโกรธเกรี้ยวเหล่านี้ยังสะสมตัวทวีความซับซ้อนยิ่งขึ้น จากความขุ่นเคือง ที่มองเห็นกันว่า เวลานี้อังกฤษดูเหมือนจะเตะถ่วงเรื่องกระบวนการถอนตัว ด้วยความหวังว่าจะทำให้ตนได้เปรียบในการเจรจาต่อรอง ทว่า มีแต่จะยิ่งทวีความเข้มแข็งของกลุ่มพลังคัดค้านอียูภายในประเทศยุโรปอื่น ๆ เท่านั้น
คาเมรอน แถลงแล้วว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่งและกล่าวต่อสภาสามัญของอังกฤษในวันจันทร์ (27) ว่า เขาจะยังไม่เริ่มต้นกระบวนการถอนตัวออกจากอียู ซึ่งในทางปฏิบัติ ก็คือ อังกฤษต้องแสดงความจำนงในเรื่องนี้ ภายใต้มาตรา 50 ของสนธิสัญญากรุงลิสบอนของอียู การแสดงความจำนงเริ่มกลไกดังกล่าวหมายความว่า จะต้องดำเนินการเจรจาเรื่องออกจากสมาชิกภาพให้จบภายในกรอบเวลา 2 ปี
แหล่งข่าวในรัฐบาลอังกฤษ เปิดเผยว่า คาเมรอนจะยืนยันในที่ประชุมซัมมิต ว่า การเริ่มกลไกตามมาตรา 50 จะเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ ซึ่งคาดว่าจะได้ตัวในเดือนกันยายน
อย่างไรก็ดี ฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของอียู พูดในวาระการประชุมวันอังคาร (28) ของรัฐสภายุโรป ว่า “ไม่มีการแสดงความจำนง (ตามมาตรา 50) ก็ไม่มีการเปิดเจรจาใด ๆ” เขาบอกด้วยว่า “ต้องเป็นเราซึ่งเป็นผู้ตัดสินว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ไม่ใช่พวกที่ปรารถนาจะผละออกจากสหภาพยุโรป”
ท่าทางเช่นนี้สอดคล้องกับผลการประชุมในกรุงเบอร์ลิน เมื่อวันจันทร์ (27) ของนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี, ประธานาธิบดี ฟรังซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรี มัตเตโอ เรนซี ของอิตาลี
ผู้นำของ 3 ชาติที่ใหญ่ที่สุดในอียู ภายหลังการถอนตัวออกไปของอังกฤษ ต่างปฏิเสธข้อเสนอแนะจากลอนดอน ที่ต้องการ “ภาพที่ชัดเจน” ของความสัมพันธ์ทางการค้าในอนาคตกับอียู ก่อนเริ่มกระบวนการถอนตัว
พวกเขาเห็นตรงกันว่า จะไม่มีการพูดคุยอย่างเป็นทางการ หรือไม่เป็นทางการเกี่ยวกับการถอนตัวของอังกฤษ จนกว่าอังกฤษจะยื่นคำร้องขอถอนตัวต่ออียู
แมร์เคิล, ออลลองด์ และ เรนซี ยังเห็นว่า ยุโรปจำเป็นต้องรับมือความกังวลของประชาชน โดยต้องการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการปรับปรุงความมั่นคงปลอดภัย เศรษฐกิจ และอนาคตสำหรับคนหนุ่มสาว ถึงแม้การรีรอลังเลที่จะเริ่มต้นกระบวนการดังกล่าว ทำให้บางประเทศสมาชิกอียู คิดว่า อาจยังพอมีช่องทางเพื่อให้อังกฤษคงอยู่กับอียูต่อ เช่น หัวหน้าพรรครัฐบาลของโปแลนด์ ที่เสนอเมื่อวันจันทร์ว่า สหราชอาณาจักรควรจัดทำประชามติอีกครั้ง ทว่า สมาชิกสายเหยี่ยวในอียู ซึ่งรวมถึงฝรั่งเศส กลับยื่นคำขาดว่า อังกฤษไม่ควรเสียเวลาอีกต่อไป
ในวันพุธ (29) ซึ่งเป็นวันที่สองของการประชุมซัมมิต ผู้นำ 27 ชาติอียูจะหารือโดยไม่มีคาเมรอน เกี่ยวกับอนาคตของยุโรป ท่ามกลางความกังวลว่าจะเกิดปรากฏการณ์โดมิโนในประเทศที่มีกระแสต่อต้านอียู