รอยเตอร์ - รัฐบาลฟิลิปปินส์จะยังรักษาความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงกันมาอย่างยาวนาน แต่ขณะเดียวกันก็จะไม่ยอม “เดินตามก้น” มหาอำนาจชาติใด ว่าที่รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของแดนตากาล็อก ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์เมื่อวานนี้ (1 มิ.ย.)
ในการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศครั้งแรกของ เปอร์เฟ็กโต ยาเซย์ ซึ่งได้รับการทาบทามจาก โรดริโก ดูเตอร์เต ให้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ทนายความวัย 69 ปีผู้นี้ได้เน้นย้ำถึงอธิปไตยและสิทธิของฟิลิปปินส์ที่จะจัดการความขัดแย้งเรื่องทะเลจีนใต้ด้วยตนเอง
“เราไม่ควรเดินตามก้นชาติใดทั้งสิ้น” ยาเซย์ ให้สัมภาษณ์ หลังจากที่ ดูเตอร์เต ได้ประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
รัฐบาลประธานาธิบดีเบนิโญ อากีโน ซึ่งกำลังจะหมดวาระ ได้เน้นยุทธศาสตร์ผูกสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ และเผชิญหน้ากับจีนอย่างแข็งกร้าว แต่ยาเซย์ชี้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างมะนิลาและปักกิ่งควรจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
“ตราบใดที่จีนยังเคารพหลักนิติธรรม บูรณภาพแห่งดินแดน และอธิปไตยของฟิลิปปินส์ เราก็ควรส่งเสริมให้ความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างทั้ง 2 ชาติแน่นแฟ้นยิ่งๆ ขึ้นไป” เขากล่าว
หวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน ยืนยันว่า ปักกิ่งพร้อมที่จะเจรจาเพื่อสลายปมปัญหาซึ่งบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตลอดหลายปีมานี้
“หากรัฐบาลฟิลิปปินส์มีความปรารถนาที่จะกลับมาใช้วิธีเจรจากันจริงๆ ทางเราก็ยินดี” หวัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่กรุงออตตาวาของแคนาดา
“จีนจะมีความยินดีอย่างยิ่ง หากรัฐบาลชุดใหม่ของฟิลิปปินส์ตัดสินใจเลือกอย่างชาญฉลาด”
ดูเตอร์เต ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองดาเวามานานกว่า 20 ปี และเตรียมที่จะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในวันที่ 30 มิ.ย. นี้ ประกาศว่ารัฐบาลของเขาจะไม่พึ่งพาวอชิงตันอีกต่อไป ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถือการปรับวิธีคิดและนโยบายที่มีต่อปัญหาทะเลจีนใต้ ตลอดจนประเด็นความมั่นคงโดยรวม
ยาเซย์อธิบายว่า ดูเตอร์เต เพียงแต่ “เน้นย้ำจุดยืนที่ว่าตามรัฐธรรมนูญแล้วเรามีสิทธิ์ที่จะดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างอิสระ” แต่ประธานาธิบดีคนใหม่ก็จะยังคงเคารพข้อตกลงที่มีมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะข้อตกลงยกระดับความร่วมมือด้านกลาโหม (Enhanced Defense Cooperation Agreement - EDCA) ซึ่งอนุญาตให้สหรัฐฯ ส่งทหารเข้ามาผลัดเปลี่ยนประจำการตามฐานทัพต่างๆ ในฟิลิปปินส์
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ได้ต่อโทรศัพท์ถึง ดูเตอร์เต เมื่อวันที่ 17 พ.ค. เพื่อแสดงความยินดีที่เขาชนะศึกเลือกตั้งด้วยคะแนนถล่มทลาย
“นั่นคือสิ่งบ่งชี้ว่า มิตรภาพระหว่างเรากับอเมริกาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และจะไม่ได้รับผลกระทบจากการที่คุณ ดูเตอร์เต เป็นประธานาธิบดีอย่างแน่นอน” ยาเซย์กล่าว
ว่าที่รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ย้ำต่อไปว่า ดูเตอร์เตพร้อมที่จะเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อปรับเปลี่ยนเงื่อนไขข้อตกลง หากมีความจำเป็น
“ที่ท่านพูดว่าจะเคารพข้อตกลงที่มีมาก่อนนั้น... ไม่ได้หมายความว่าท่านจะไม่ต่อรอง หากมีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้นในอนาคตเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย”
ศาลสูงสุดฟิลิปปินส์มีคำพิพากษายืนยันในปีนี้ว่า ข้อตกลงซึ่งอนุญาตให้สหรัฐฯ เข้าไปสร้างโกดังและศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ในฟิลิปปินส์ ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
วอชิงตันยังช่วยเสริมเขี้ยวเล็บให้แก่กองทัพฟิลิปปินส์ ด้วยการจำหน่ายเรือลาดตระเวนชั้นแฮมิลตันจำนวน 3 ลำ อุปกรณ์เรดาร์ และเรือวิจัยอีก 1 ลำ ซึ่งจะเดินทางไปถึงฟิลิปปินส์ภายในเดือน ก.ค.
ยาเซย์ ยืนยันว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์ชุดใหม่จะเคารพคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการถาวร (Permanent Court of Arbitration) เกี่ยวกับเรื่องที่รัฐบาลอากีโนไปร้องขอให้ศาลช่วยตัดสินว่า การที่ปักกิ่งอ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำเกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้นั้นมีความชอบธรรมหรือไม่ ซึ่งก็ยังไม่ชัดเจนว่าศาลจะอ่านคำพิพากษาเมื่อใด
ยาเซย์ ระบุด้วยว่า ฟิลิปปินส์พร้อมเจรจา “ทวิภาคี” กับจีนเพื่อคลี่คลายข้อพิพาทเรื่องเกาะปะการังสการ์โบโรห์ (Scarborough Shoal) แต่ในส่วนของหมู่เกาะสแปรตลีย์นั้นยังจำเป็นต้องพูดคุยผ่านเวทีเจรจาแบบ “พหุภาคี” เนื่องจากมีหลายประเทศที่อ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อน
ดูเตอร์เตระบุว่า ตนยินดีที่จะพิจารณาโครงการร่วมทุนกับจีน เพื่อสำรวจและนำทรัพยากรในทะเลจีนใต้มาใช้ประโยชน์