เอเอฟพี – นักรบชาวเคิร์ดและชาวอาหรับที่สหรัฐฯให้การสนับสนุนเปิดแนวรบใหม่กับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในภาคเหนือของซีเรีย และกำลังทะลวงเข้าสู่พื้นที่นำเข้านักรบญิฮาดเลียบแนวพรมแดนตุรกี กลุ่มสังเกตการณ์ระบุในวันนี้ (1)
ดินแดนกว้างขวางที่กลุ่มไอเอสควบคุมบริเวณสองฝั่งแม่น้ำยูเฟรติสเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับวอชิงตันมานาน เนื่องจากมันถูกมองว่าเป็นจุดทางเข้าหลักของนักรบต่างชาติ
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯส่งหน่วยรบพิเศษกว่า 200 นายร่วมกับกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (เอสดีเอฟ) กลุ่มพันธมิตรที่นำโดยชาวเคิร์ด ซึ่งสหรัฐฯพยายามที่จะเพิ่มสัดส่วนนักรบที่เป็นชาวอาหรับให้มากขึ้น
เครื่องบินของกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯดำเนินการโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วงต่อเมืองมันบิจของกลุ่มไอเอส ห่างจากแม่น้ำยูเฟรติสไปทางตะวันตก 30 กิโลเมตร เพื่อเป็นการสนับสนุนการบุกจู่โจมครั้งนี้ กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรีย (Syrian Observatory for Human Rights) ระบุ
กลุ่มสังเกตการณ์กลุ่มนี้ซึ่งมีฐานในอังกฤษและอาศัยรายงานจากแพทย์และนักเคลื่อนไหวท้องถิ่นระบุว่า มีเด็ก 3 คนอยู่ในหมู่พลเรือน 15 คนที่ถูกสังหารในการโจมตีช่วงเช้ามืด
“ปฏิบัติการโจมตีเมืองมันบิจเริ่มขึ้นเมื่อวันอังคาร” รามี อับเดล เราะห์มาน ผู้อำนวยการกลุ่มสังเกตการณ์ฯ บอกกับเอเอฟพี
“ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เอสดีเอฟยึดหมู่บ้านได้ 9 แห่งทางตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส” เขากล่าว
การรุกคืบครั้งนี้ทำให้กองกำลังเอสดีเอฟเข้ามาอยู่ภายในระยะ 18 กิโลเมตรของเมืองมันบิจ
การบุกโจมตีครั้งนี้เป็นหนึ่งในสองการโจมตีที่เอสดีเอฟเปิดฉากกับกลุ่มไอเอสในภาคเหนือของซีเรียในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
เมื่อเดือนที่แล้ว กลุ่มพันธมิตรดังกล่าวได้เริ่มการโจมตีกลุ่มไอเอสทางตอนเหนือของเมืองรอกอ เมืองหลวงโดยพฤตินัยของนักรบญิฮาดกลุ่มนี้ และยึดหมู่บ้านได้เป็นจำนวนมากในตอนเหนือของจังหวัดรอกอ
การสนับสนุนเอสดีเอฟของวอชิงตันสร้างความไม่พอใจให้กับตุรกี สมาชิกร่วมองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เนื่องจากกลุ่มที่มีอิทธิพลสูงสุดในเอสดีเอฟคือหน่วยพิทักษ์ประชาชนชาวเคิร์ด (วายพีจี)
อังการามองว่าวายพีจีเป็นเครือข่ายของพรรคแรงเคอร์ดิสถาน (พีเคเค) ซึ่งก่อการกบฏต่อรัฐบาลตุรกีมานานกว่า 30 ปี