เอเอฟพี - เดวิด เออร์ไวน์ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การข่าวกรองเพื่อความมั่นคงแห่งออสเตรเลีย (เอเอสไอโอ) แถลงวันนี้ (27 ส.ค.) ว่า พบข้อมูลที่เชื่อได้ว่า มีชาวออสเตรเลียเสียชีวิตระหว่างการสู้รบในอิรักและซีเรียแล้ว 15 คน โดยในจำนวนนี้มี 2 คนเป็นมือระเบิดฆ่าตัวตายอายุยังน้อย พร้อมกันนี้ เขาได้กล่าวเตือนว่า ออสเตรเลียกำลังเผชิญภัยคุกคามในรูปของการจารกรรม และการเข้าแทรกแซงโดยต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้ แคนเบอร์ราเคยออกมาเตือนว่า มีชาวออสซี่เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มนักรบญิฮาดหัวรุนแรงในต่างแดน อย่างกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) แล้วราว 60 คน
คอลิด ชาร์รูฟ พลเมืองชาวออสเตรเลีย ซึ่งเข้าร่วมกลุ่มรัฐอิสลาม ได้จุดประกายให้เกิดความโกรธแค้น เมื่อภาพลูกชายวัย 7 ขวบของเขาหิ้วศีรษะทหารซีเรียถูกเผยแพร่ทางทวิตเตอร์
เออร์ไวน กล่าวว่า “มีนักรบต่างชาติแห่ไปร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับกลุ่มติดอาวุธในซีเรียและอิรักเป็นจำนวนมาก และชาวออสเตรเลียที่เดินทางไปร่วมรบคราวนี้มีจำนวนมากกว่า ในสงครามกลางเมืองครั้งที่ผ่านๆ มารวมกันเสียอีก”
เขาชี้ว่า เอเอสไอโอเชื่อว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะฉุดให้ยอดพลเมืองที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของออสเตรเลียทะยานสูงขึ้น
เออร์ไวน์ กล่าวว่า “ไอเอสไอโอเชื่อว่า มีชาวออสเตรเลียประมาณ 60 คนหรือราวๆ นี้ กำลังร่วมสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกลุ่มติดอาวุธสำคัญ 2 กลุ่ม ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มหัวรุนแรงอัลกออิดะห์ ได้แก่ จาฮาบัต-อัล-นุสรา และกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)”
“เราเชื่อว่า มีนักรบญิฮาดชาวออสเตรเลียถูกสังหารในวิกฤตความขัดแย้งในปัจจุบันแล้ว 15 คน ซึ่งในจำนวนนี้มี 2 คนเป็นมือระเบิดฆ่าตัวตายชาวออสซี่ที่อายุยังน้อย”
เออร์ไวน์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีชาวออสเตรเลียอีก 100 คนคอย “สนับสนุน” กลุ่มหัวรุนแรง “อย่างแข็งขัน” โดยการคัดเลือกนักรบหน้าใหม่ และจัดหามือระเบิดฆ่าตัวตายอาสา ตลอดจนเงินทุน และอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับกลุ่มติดอาวุธ
ทั้งนี้ ออสเตรเลียได้ยกระดับมาตรการต่อต้านการก่อการร้าย ด้วยการทุ่มงบลงทุนให้หน่วยข่าวกรอง และหน่วยงานความมั่นคงเพิ่มขึ้น ตลอดจนแก้ไขกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายให้เข้มงวดรัดกุมยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากเกรงว่าสงครามนองเลือดในอิรักและซีเรียจะสร้างคนรุ่นใหม่ที่เป็นพวกยึดมั่นในแนวคิดหัวรุนแรง
เออร์ไวน์กล่าวว่า บรรดาหน่วยข่าวกรองกำลังเป็นกังวลกันว่า ประเทศอาจตกอยู่ในอันตราย หากคนบางส่วนที่มีส่วนร่วมก่อเหตุรุนแรง และได้รับการฝึกฝนวิธีการใช้อาวุธ หรือทำระเบิด เดินทางกลับมายังออสเตรเลีย
นอกจากนี้เขายังเตือนด้วยว่า ภัยคุกคามในรูปแบบการจารกรรม และการเข้าแทรกแซงโดยต่างชาติที่ออสเตรเลียเผชิญมานานหนึ่งปีจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
เขากล่าวว่า “ผมบอกได้เลยว่า เราตรวจพบการจารกรรม และการเข้าแทรกแซงโดยต่างชาติทั้งทางไซเบอร์ และผ่านวิธีการดั้งเดิม เพิ่มสูงขึ้นในออสเตรเลีย”
“นอกจากนั้น เรายังพบว่ามี คนวงในที่มีแรงจูงใจส่วนตัว แสดงพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อข้อมูลของรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น”
เมื่อสอบถามถึงคลิปวีดีโอบันทึกภาพการฆ่าตัดคอ เจมส์ โฟลีย์ ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันที่ถูกนำออกเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เออร์ไวน์กล่าวว่า เขาไม่มีความคิดเห็นในประเด็นที่ว่า สื่อควรนำเสนอคลิปนี้ต่อสาธารณะหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เขาเสริมว่า “ไม่ว่าคุณจะอยากเห็นหรือไม่ก็ตาม แต่คลิปวีดีโอนั้นก็ช่วยให้คนในประเทศเข้าใจถึงความรุนแรงของสถานการณ์ที่เรากำลังรับมือ”