เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - ข้อตกลงหยุดยิงที่อาจล้มครืนลงมาได้ทุกเมื่อในซีเรีย ยังคงเดินหน้ามีผลบังคับใช้เป็นวันที่สองในวันอาทิตย์ (28 ก.พ.) โดยเขตสู้รบต่างๆ ส่วนใหญ่สามารถรักษาความสงบเอาไว้ได้เป็นครั้งแรกในรอบระยะเวลา 5 ปี ถึงแม้มีการกล่าวหากันว่าเกิดการละเมิดสัญญาขึ้นหลายๆ จุด รวมถึงมีการโจมตีทางอากาศหลายระลอกด้วย
ข้อตกลงหยุดยิงคราวนี้ ซึ่งมีวอชิงตันกับมอสโกเป็นคนกลาง ถูกมองว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญยิ่งในการเดินหน้าสู่การยุติสงครามความขัดแย้งในซีเรีย ซึ่งได้คร่าชีวิตผู้คนไป 270,000 คน และทำให้กว่าครึ่งหนึ่งของประชากรประเทศนี้ต้องพลัดที่นาคาที่อยู่
การที่ดินแดนในความควบคุมของฝ่ายต่างๆ ในซีเรียไม่ได้ติดต่อกันเป็นผืนเดียว แต่มีลักษณะเป็นแถบๆ กระจัดกระจายลักลั่นเหลื่อมล้ำกัน โดยเป็นผลจากการสู้รบในสงครามกลางเมืองซึ่งดำเนินมาตั้งแต่ปี 2011 ทำให้ความพยายามที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงสงบศึกฉบับนี้เป็นงานที่ลำบากซับซ้อนยิ่ง
กลุ่มผู้สังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษย์ของซีเรีย ซึ่งตั้งฐานอยู่ในลอนดอนและอาศัยข้อมูลที่ได้จากนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ รายงานกล่าวหาว่าในวันอาทิตย์ (28) มีเครื่องบินรบหลายลำที่เชื่อกันว่าถ้าไม่ใช่ของฝ่ายรัฐบาลซีเรียก็ต้องเป็นของรัสเซีย ได้เข้าโจมตีทิ้งระเบิดหมู่บ้าน 7 แห่งซึ่งอยู่ในจังหวัดอะเลปโป ทางภาคเหนือ และจังหวัดฮามา ทางภาคกลางของประเทศ
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่านี่เป็นการถล่มโจมตีพื้นที่ซึ่งอยู่ใต้ข้อตกลงหยุดยิงหรือไม่ โดยที่ข้อตกลงนี้ได้ยกเว้นให้ยังทำการสู้รบโจมตีดินแดนซึ่งยึดครองโดยกลุ่มนักรบญิฮัด “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) และกลุ่มอัล-นุสรา ฟรอนต์ ซึ่งอยู่ในเครืออัลกออิดะห์
ตามคำแถลงของ รามี อับเดล เราะห์มาน หัวหน้ากลุ่มผู้สังเกตการณ์ฯ หมู่บ้านเหล่านี้มีเพียงแห่งเดียว คือ หมู่บ้านคาฟร์ ฮัมรา ในจังหวัดอะเลปโป ซึ่งถูกควบคุมโดยอัล-นุสรา นอกนั้นต่างอยู่ในกำมือของพวกกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลซีเรียที่ไม่ใช่นักรบญิฮัดหัวรุนแรง ดังนั้นจึงต้องได้รับการคุ้มครองตามข้อตกลงสงบศึก
สำหรับสถานการณ์ในที่อื่นๆ นั้น ส่วนใหญ่ต่างอยู่ในภาวะสงบ ทั้งนี้ตามรายงานของผู้สื่อข่าวเอเอฟพีหลายๆ ราย
ในเมืองอะเลปโป เมืองเอกของจังหวัดชื่อเดียวกัน และก็เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ในซีเรียนั้น ชาวเมืองสามารถออกมาเดินหาซื้อของตามท้องถนน ภายหลังคืนวันเสาร์ (27) ผ่านพ้นไปโดยไม่มีเสียงการสู้รบหรือการโจมตีทางอากาศใดๆ ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งระบุ
ขณะที่ทีมงานเฉพาะกิจซึ่งจัดตั้งขึ้นมาเพื่อติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง พูดถึงสถานการณ์ในวันเสาร์ที่เป็นวันแรกของการสงบศึกว่า ประสบความสำเร็จด้วยดีเป็นส่วนใหญ่
“ทั้งสหประชาชาติ, สหรัฐฯ และรัสเซีย ต่างให้การประเมินผลในทางบวกในชั่วโมงแรกๆ ของ “การเริ่มการยุติความเป็นศัตรูกัน” คราวนี้ นักการทูตชาติตะวันตกผู้หนึ่งกล่าวภายหลังการประชุมของกลุ่มระหว่างประเทศสนับสนุนซีเรีย (ไอเอสเอสจี) ในนครเจนีวา, สวิตเซอร์แลนด์
ถึงแม้สหประชาชาติรายงานว่า “เกิดเหตุการณ์บางอย่าง” ที่ดูเหมือนเป็นการละเมิดข้อตกลงสงบศึก แต่ “เหตุการณ์เหล่านี้ก็ได้รับการแก้ไขคลี่คลายไปได้” นักการทูตผู้นี้บอก
ทางด้านสำนักงานของรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ แถลงว่า เขากับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จอห์น เคร์รี ได้ “แสดงความยินดี” ต่อการหยุดยิงระหว่างพูดคุยกันทางโทรศัพท์ รวมทั้งได้ปรึกษาหารือถึงวิธีการต่างๆ ในการเพิ่มความร่วมมือกันระหว่างกองทหารของทั้งสองฝ่าย
ขณะที่ สตัฟฟาน เดอ มิสตูรา ผู้แทนของสหประชาชาติแถลงว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างฝ่ายต่างๆ ในซีเรียจะกลับเปิดขึ้นใหม่ในวันที่ 7 มีนาคม ถ้ายังรักษาการหยุดยิงกันเอาไว้ได้ และมีการจัดส่งความช่วยเหลือเพิ่มมากขึ้นเข้าไปยังพื้นที่ซึ่งอยู่ในภาวะคับขัน อันเป็นประเด็นสำคัญอีกประเด็นหนึ่งซึ่งเคยทำให้การเจรจาติดขัดชะงักงัน
สำหรับเหตุการณ์ละเมิดการหยุดยิงในวันเสาร์ (27) นั้น ตามรายงานของสื่อมวลชนฝ่ายรัฐบาลซีเรียกล่าวหาว่าได้มีการยิงปืนใหญ่โจมตีพื้นที่กรุงดามัสกัส ขณะที่กลุ่มผู้สังเกตการณ์ฯ บอกว่ามีการโจมตีใส่ย่านที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวเคิร์ดในเมืองอะเลปโป
เมืองใหญ่อันดับ 2 ของซีเรียแห่งนี้ ขณะนี้แทบจะถูกกองกำลังฝ่ายโปรรัฐบาลปิดล้อมเอาไว้เกือบสิ้นเชิงแล้ว ภายหลังจากรัสเซียทำการโจมตีถล่มทางอากาศ ซึ่งทำให้กองกำลังฝ่ายรัฐบาลเปิดการรุกได้ และมีผู้คนนับหมื่นนับแสนคนพากันหลบหนี
อย่างไรก็ดี เมื่อข้อตกลงสงบศึกเริ่มบังคับ ชาวบ้านก็พากันออกมาตามท้องถนน และมีเด็กๆ ไปเล่นตามสวนสาธารณะต่างๆ
กลุ่มผู้สังเกตการณ์ฯ ระบุด้วยว่า ในวันเสาร์ (27) กองกำลังชาวเคิร์ดและพันธมิตรอาหรับของพวกเขายังสามารถต้านทานและผลักดันพวกไอเอสที่บุกเข้าโจมตีเมืองทัล อับยัด ในจังหวัดรอกเกาะฮ์ ที่อยู่ตรงชายแดนติดต่อกับตุรกี
การสู้รบกันและการถล่มโจมตีโดยกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ สามารถสังหารพวกนักรบญิฮัดไปได้ 70 คน ขณะที่กองกำลังท้องถิ่นชาวเคิร์ด 20 คน และพลเรือนอีก 2 คนก็ถูกสังหารเช่นกัน
นอกจากนั้น สำนักข่าวซานา ของทางการรัฐบาลซีเรียรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย 2 ครั้ง สังหารผู้คนไปรวม 6 คนที่บริเวณนอกเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดฮามา ซึ่งมีพวกไอเอสเคลื่อนไหวอยู่