รอยเตอร์/เอเอฟพี – มีผู้ถูกสังหารไปอย่างน้อย 45 คนและบาดเจ็บอีก 110 คนในวันนี้ (31 ม.ค.) จากการก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายซึ่งใช้ระเบิดรถยนต์ 1 คัน และมือระเบิดฆ่าตัวตายอีก 2 ราย ในเขตซาเยดา เซนับ ของกรุงดามัสกัส ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวชีอะห์ในซีเรีย ทั้งนี้ตามการเปิดเผยของกระทรวงมหาดไทยซีเรีย ขณะที่กลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) แถลงในเวลาต่อมาอ้างความรับผิดชอบในการโจมตีคราวนี้
สถานีโทรทัศน์ของรัฐเผยแพร่คลิปวิดีโอข่าวซึ่งแสดงให้เห็นอาคารหลายหลังกำลังเกิดเพลิงไหม้ และรถยนต์อีกหลายคันเสียหายพังยับในเขตดังกล่าวของเมืองหลวงซีเรีย
สำนักข่าวซานาของทางการซีเรีย รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในกระทรวงมหาดไทยรายหนึ่งระบุว่า กลุ่มหัวรุนแรงได้จุดชนวนระเบิดรถยนต์คันหนึ่ง ที่บริเวณใกล้ๆ อู่จอดรถขนส่งสาธารณะแห่งหนึ่ง ในแถบโคอูอา ซูดาน ของเขตซาเยดา เซนับ
จากนั้นมือระเบิดฆ่าตัวตาย 2 รายก็จุดชนวนปลิดชีพตนเองท่ามกลางฝูงชน ในเวลาที่กำลังมีการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บล้มตายจากระเบิดรถยนต์กันอยู่
“ยังกำลังมีการลากศพออกมาจากบริเวณที่ถูกโจมตียับเยินกันอยู่เลย” พยานผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งบอกกับ “อิคบาริยะห์” สถานีทีวีช่องข่าวของรัฐบาล
สำหรับทางกลุ่มไอเอส ในคำแถลงฉบับหนึ่งซึ่งถูกนำออกเผยแพร่ทางสื่อสังคม ไอเอสอ้างว่าสมาชิกของตน 2 คนได้จุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตายที่บริเวณใกล้ๆ วิหารซาเยดา เซนับ ของชีอะห์ ซึ่งไอเอสที่เป็นกลุ่มหัวรุนแรงนิกายสุหนี่ ถือว่าเป็นพวกนอกรีตนอกศาสนา
เขตซาเยดา เซนับ เป็นแถบที่มีประชากรพำนักอาศัยกันหนาแน่น ตั้งอยู่ทางด้านใต้ของกรุงดามัสกัส และเป็นที่ตั้งสถานที่เคารพบูชาซึ่งดึงดูดนักจาริกแสวงบุญชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ ไม่เพียงจากภายในซีเรียเอง แต่ยังมีที่มาจากอิหร่าน, อิรัก, เลบานอน, และส่วนอื่นๆ ของโลกมุสลิม
การระเบิดคราวนี้ยังเกิดขึ้นขณะที่คณะผู้แทนของรัฐบาลซีเรีย กับฝ่ายค้านซึ่งยังคงแตกแยกกันเป็นหลายกลุ่ม เริ่มต้นเปิดการประชุมขึ้นที่นครเจนีวา, สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งถือเป็นการเจรจาสันติภาพที่มีสหประชาชาติเป็นตัวกลางหนแรกที่สามารถจัดขึ้นมาจนได้ในรอบระยะเวลา 2 ปี
สื่อของทางการซีเรียรายงานโดยอ้างคำพูดของ วาเอล อัล-ฮาลากี นายกรัฐมนตรีซีเรีย ซึ่งกล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นฝีมือของ “พวกกลุ่มผู้ก่อการร้าย” ซึ่งมุ่งหวังที่จะ “ปลุกขวัญกำลังใจของพวกเขาภายหลังประสบความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง” โดยฝีมือของกองทัพรัฐบาล
สหประชาชาตินั้นแถลงว่า มีจุดมุ่งหมายที่จะจัดการเจรจาหารือระหว่างฝ่ายต่างๆ ในซีเรียคราวนี้ให้สำเร็จในระยะเวลา 6 เดือน โดยในขั้นแรกจะมุ่งหาทางให้มีการทำความตกลงสงบศึกกัน จากนั้นจึงจะดำเนินการเพื่อให้ได้ข้อตกลงปรองดองทางการเมืองขึ้นในซีเรีย ทั้งนี้ ประมาณการกันว่า การสู้รบทำสงครามกันในซีเรียที่ดำเนินมาเกือบ 5 ปีแล้ว ได้สังหารผู้คนไปมากกว่า 250,000 คน และผลักไสให้อีกมากกว่า 10 ล้านคนต้องหลบหนีออกจากบ้านเรือนของตนเอง รวมทั้งดึงเอาเหล่าชาติมหาอำนาจทั่วโลกเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน
สถานที่ตั้งวิหารศักดิ์สิทธิ์ของชาวชีอะห์ในเขตซาเยดา เซนับ ได้เป็นประจักษ์พยานของการปะทะสู้รบกันอย่างหนักหน่วงรุนแรงในช่วงสองสามปีแรกของสงครามกลางเมืองซีเรีย แต่หลังจากนั้นก็ได้รับการรักษาความปลอดภัยจากกองทัพซีเรีย และจากกองกำลังอาวุธท้องถิ่นต่างๆ ของชาวชีอะห์ที่นำโดยกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งได้ตั้งด่านปิดถนนตรวจตรารักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณรอบๆ เขตนี้
วิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เป็นที่ตั้งสุสานของบุตรสาวของ อาลี อิบน์ อาบี ตอเลบ ลูกพี่ลูกน้องและบุตรเขยของศาสดามุฮัมมัด ซึ่งพวกชีอะห์ถือว่าเป็นทายาทที่ถูกต้องแท้จริงของศาสดามุฮัมมัด ทั้งนี้ข้อถกเถียงในเรื่องทายาทเช่นนี้เองที่ได้นำไปสู่การแตกแยกระหว่างนิกายชีอะห์และนิกายสุหนี่ในศาสนาอิสลาม
กลุ่มกำลังอาวุธท้องถิ่นของชาวอิรักและของชาวอิหร่าน ซึ่งเข้ามาอาสาสมัครทำการสู้รบกับพวกหัวรุนแรงอิสลามิสต์ชาวสุหนี่ในซีเรียคราวนี้ มักพูดกันว่า พวกเขาเดินทางมาซีเรียก็เพื่อพิทักษ์คุ้มครองวิหารแห่งนี้
ตามคำบอกเล่าของพวกชาวบ้านชาวเมืองท้องถิ่น กลุ่มกำลังอาวุธเหล่านี้ได้ตั้งกองบัญชาการของพวกเขาขึ้นในพื้นที่ใกล้ๆ วิหารแห่งนี้อีกด้วย