เอเจนซีส์ - อิสราเอลได้ยื่นข้อเสนอต่อฮามาสในการต่ออายุการหยุดยิงในกาซาออกไปอีก 3 วัน ซึ่งได้เริ่มในวันอังคาร (5 ส.ค.) ที่ผ่านมา และจะสิ้นสุดในเช้าวันศุกร์ (8) แต่ NBC News สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า ผู้นำกลุ่มฮามาสไม่ได้ตอบรับข้อเสนอนี้ พร้อมยังวิเคราะห์ว่านายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เลือกที่จะโจมตีกลุ่มฮามาสอย่างเต็มรูปแบบทั้งทางอากาศและทางบกโดยไม่คำนึงถึงตัวเลขสูญเสียของพลเรือนปาเลสไตน์ เพราะเล็งแล้วว่าในเวลาที่ตะวันออกกลางล้วนมีแต่สงครามภายใน กลุ่มฮามาสถูกโลกอิสลามโดดเดี่ยว
มูซซา อาบู มาร์ซุก (Moussa Abu Marzouk) ตัวแทนฮามาสในอียิปต์ที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาในทางอ้อมระหว่างอิสราเอลที่มีอียิปต์เป็นตัวกลางได้ทวีตข้อความในวันพุธ(6)ว่า “ไม่มีข้อตกลงในการต่ออายุสัญญาหยุดยิง”
ในความขัดแย้งล่าสุดระหว่างฮามาสและอิสราเอล ทำให้มียอดเสียชีวิตของชาวปาเลสไตน์ 1,886 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ส่วนมากเป็นผู้หญิงและเด็ก ทั้งนี้ยูเอ็นรายงานว่ามีเด็กไม่ต่ำกว่า 400 คนเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บถึง 9,806 คน ส่วนอิสราเอลเสียทหารไป 67 คนในสมรภูมิสู้รบ และรวมถึงคนงานไทยในพื้นที่การเกษตรของอิสราเอลได้เสียชีวิตลงจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน
ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ เผยว่า มีสูตรเพื่อจะนำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืนกว่าสัญญาหยุดยิง แต่ทว่าผู้นำของคู่ขัดแย่งต้องกล้าที่จะเสี่ยงร่วมกัน และความเชื่อมั่นจำเป็นที่ต้องสร้าง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ยากเย็นโดยเฉพาะเพิ่งผ่านการสู้รบมาอย่างหนัก
ในการแสดงความคิดเห็นครั้งแรกนับตั้งแต่สัญญาหยุดยิง 72 ชม.ได้เริ่มต้นขึ้น นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลได้กล่าวโทษฮามาสสำหรับความสูญเสียของพลเรือนปาเลสไตน์ โดยชี้ว่าฮามาสใช้ชาวปาเลสไตน์เป็นโล่มนุษย์
ตัวแทนของฮามาสในกรุงไคโร อียิปต์ รวมถึงตัวแทนเจรจาจากกลุ่มฮามาส สมาชิกนักรบมุสลิมญิฮาด และเจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์
ข้อเรียกร้องหลักของปาเลสไตน์รวมไปถึงต้องการให้อิสราเอลยกเลิกปิดล้อมกาซา ที่มีขึ้นตั้งแต่ปี 2007 และทำการเปิดพรมแดนเพื่อให้สามารถข้ามไปมาได้ และชาวปาเลสไตน์ต้องการให้มีการก่อตั้งกองทุนช่วยเหลือจากนานาชาติขึ้น โดยนอร์เวย์เป็นผู้เริ่มต้นในการก่อตั้งกองทุนเพื่อสร้างเมืองกาซาใหม่อีกครั้ง
บีบีซีรายงานว่า ชาวปาเลสไตน์กว่าแสนคนที่อพยพหนีภัยสงครามเดินทางกลับบ้านที่คนเหล่านั้นไม่เหลืออะไรติดตัว
ด้านชื่อตัวแทนของอิสราเอลไม่มีการเปิดเผยในรายละเอียด
นอกจากนี้ NBC News รายงานเมื่อวานนี้ (6) ว่า ฮามาสได้เรียนรู้จากสงครามล่าสุดว่า ตนเองต้องต่อสู้กับอิสราเอลอย่างโดดเดี่ยว จากการที่ไม่มีแม้แต่การเดินขบวนสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในอียิปต์ กระบอกเสียงไคโรแสดงชัดว่าเป็นปฏิปักษ์กับฮามาส และซีเรียยังยุ่งอยู่กับสงครามกลางเมือง ดังจะเห็นไม่มีการเดินขบวนประท้วงอิราเอลในกรุงดามัสกัส หรืออาเลปโป และธงปาเลสไตน์ไม่ได้โบกสะบัดในกรุงแบกแดด เพราะในขณะนี้กลุ่ม IS และรัฐบาลอิรักกำลังยุ่งอยู่กับการทำสงครามระหว่างกัน ด้านอิหร่านนั้นยุ่งอยู่กับสงครามในซีเรียและอิรัก ซึ่งฮิซบอลเลาะห์ที่เคยช่วยเหลือฮามาส แต่ในขณะนี้ติดพันการรบในซีเรีย และถึงแม้ซาอุดีอาระเบียจะแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของเด็กปาเลสไตน์จำนวนมากจากฝีมือของอิสราเอล แต่ยังไม่มีการเดินขบวนประท้วงอิสราเอลเป็นจริงเป็นจังในประเทศ
จากทั้งหมดทำให้ฮามาสรับรู้ถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในภูมิภาคตะวันออกกลาง จากสถานการณ์ที่เกิดอาหรับสปริงในอียิปต์ที่มีทั้งนักศึกษาและนักเคลื่อนไหวรวมตัวทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย และกลายมาเป็นซัมเมอร์ในอาหรับ ที่หลังจากการเลือกตั้งมีกลุ่มฮาร์ดไลน์ผงาดขึ้นมาแทนที่ และเพิกเฉยต่อหลักประชาธิปไตยหลังจากได้รับการเลือกตั้งแล้ว
แต่จะให้เห็นได้ว่าการเป็นอิสลามิสต์ไม่ได้ช่วยในการปกครองประเทศ ที่ทำให้เปลี่ยนจากซัมเมอร์อาหรับกลับกลายเป็นใบไม้ร่วงแห่งการใช้อำนาจแทนในปี 2013 ในอียิปต์การเปลี่ยนฤดูกาลทางการเมืองหมายถึงการเขี่ยมุสลิมบราเธอร์ฮูดทิ้ง และอับเดล ฟัตตอห์ อัล-ซิซี ประธานาธิบดีอียิปต์ผู้กุมอำนาจในกรุงไคโรเกลียดชังทั้งมุสลิมบราเธอร์ฮูดและฮามาส จะเห็นได้จากสมาชิกบราเธอร์ฮูดหลายร้อยคนถูกสั่งขัง รวมทั้งมีการยุบกลุ่มนี้โดยคำสั่งศาลอียิปต์
และการที่อิสราเอลเลือกที่จะเปิดปฎิบัติการรบกับฮามาสล่าสุดอย่างเต็มรูปแบบ รวมไปถึงสามารถทำลายเครือข่ายอุโมงค์ภาคพื้นดินของฮามาสได้นอกเหนือจากการโจมตีทางอากาศ เพราะอิสราเอลรู้ว่า “ฮามาสเหลือเพื่อนน้อยมากในภูมิภาคตะวันออกกลาง” โลกอาหรับไม่ได้ลุกขึ้นมา ฮามาสยังคงคิดว่าอยู่ในอาหรับซัมเมอร์ที่เต็มไปด้วยความหวัง แต่กลับต้องเผชิญหน้ากับใบไม้ร่วงแห่งความเกลียดชังของซิซีแทน