เอเจนซีส์ - ดินแดนฉนวนกาซากลับสู่ความเงียบสงบ หลังจากคู่กรณียอมหย่าศึก 72 ชั่วโมงตั้งแต่วันอังคาร (5 ส.ค.) รวมทั้งกองทัพอิสราเอลถอนกำลังภาคพื้นดินชุดสุดท้ายกลับออกไป ทังนี้หลังจากทำการเข่นฆ่าอย่างนองเลือดยืดเยื้อมาเกือบเดือน จนทำให้พลเรือนปาเลสไตน์เสียชีวิตเกือบ 1,900 คน
อย่างไรก็ดี ไม่กี่นาทีก่อนที่ข้อตกลงหยุดยิงจะมีผล กองทัพรัฐยิวและกลุ่มฮามาสต่างยิงจรวดตอบโต้กัน ราวกับต้องการทิ้งทวนการต่อสู้ที่ดำเนินมาต่อเนื่องถึง 29 วัน
เสียงไซเรนดังกึกก้องทั้งในนครเยรูซาเลม และเทลอาวีฟ เมื่อฮามาสยิงจรวดข้ามพรมแดนเข้าใส่รัฐยิว 16 ลูก โดยลูกหนึ่งไปตกที่บ้านของชาวปาเลสไตน์ในเวสต์แบงก์ แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ส่วนที่กาซา เครื่องบินรบอิสราเอลเข้าถล่มโจมตีอย่างน้อย 5 ระลอกก่อนที่ข้อตกลงหยุดยิงจะมีผลเมื่อเวลา 08.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 12.00 น.ตามเวลาไทย)
กองทัพอิสราเอลยังระบุว่า ได้ถอนกำลังภาคพื้นดินทั้งหมดออกจากกาซาแล้ว หลังจากสามารถทำลายเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินของฮามาสสำเร็จ อย่างไรก็ดี กองทัพอิสราเอลยังคงประจำอยู่นอกกาซาและพร้อมตอบโต้ทันทีหากฮามาสละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
พ.ท.ปีเตอร์ เลอร์เนอร์ โฆษกกองทัพอิสราเอลแถลงว่า สามารถทำลายเครือข่ายอุโมงค์ข้ามพรมแดนของฮามาส 32 แห่ง รวมทั้งเป้าหมายอื่นๆ อีก 4,800 แห่ง และสังหารผู้ก่อการร้าย 900 คน โดยใช้จรวดเพียง 3,000 ลูก ขณะที่ฮามาสใช้จรวดกว่า 3,300 ลูก และคาดว่า นักรบอิสลามิสต์พวกนี้ยังเหลือจรวดในครอบครองอีกราว 3,000 ลูก
ผู้สื่อข่าวต่างรายงานว่า ข้อตกลงหยุดยิงคราวนี้มีขึ้นหลังจากคืนที่เงียบสงบที่สุดนับจากรัฐยิวเริ่มต้นยุทธการ “ปกป้องเขตแดน” ของตนเมื่อวันที่ 8 ก.ค.
ขณะที่หน่วยแพทย์ฉุกเฉินขานรับว่า ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตนับจากเที่ยงคืนวันจันทร์ และยอดผู้เสียชีวิตในปาเลสไตน์หยุดอยู่ที่ 1,867 ราย และ 67 รายสำหรับอิสราเอล
หน่วยแพทย์ฉุกเฉินยังอาศัยช่วงเวลานี้ เข้าสู่พื้นที่ที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคือบริเวณใกล้เมืองราฟาห์ ที่ราบเป็นหน้ากลอง หลังจากยิวระดมโจมตีหนักตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว (1)
ส่วนพื้นที่อื่นๆ ในกาซาที่ผู้คนราวครึ่งล้านต้องทิ้งบ้านเรือนหนีเหตุการณ์เข่นฆ่าอย่างนองเลือดนั้น ชาวบ้านบางส่วนเริ่มกลับคืนถิ่นฐานท่ามกลางซากปรักหักพังและกลิ่นซากศพอบอวลในอากาศ
การหยุดยิงครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 4 วันที่มีการประกาศหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมเป็นเวลา 72 ชั่วโมง โดยครั้งล่าสุดคือเมื่อวันที่ 1 ที่ผ่านมานั้น มีผลเพียง 90 นาทีเท่านั้น
สำหรับข้อตกลงล่าสุดเกิดขึ้นในไคโร ระหว่างการเจรจานานสองวันของตัวแทนจากปาเลสไตน์, ฮามาส, กลุ่มอิสลามิก ญิฮัด และอียิปต์
ซามี อาบู ซูห์รี โฆษกของฮามาสเผยว่า ตัวแทนของผู้นำกลุ่มฮามาสในกาซาจะเดินทางไปยังไคโรในวันอังคารเพื่อหารือกับตัวแทนของผู้นำฮามาสพลัดถิ่น
เช่นเดียวกัน อิสราเอลแถลงว่าจะส่งตัวแทนไปร่วมเจรจา หลังจากก่อนหน้านี้ยืนกรานว่า จะไม่ร่วมวงด้วย
ข้อตกลงหยุดยิงสองฝ่ายครั้งนี้ได้รับการยกย่องจากสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และสหรัฐฯ ซึ่งแสดงความเห็นตรงกันว่า ความพยายามครั้งนี้จะรอดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับฮามาส
ขณะเดียว คณะผู้เจรจามีแนวโน้มเผชิญความท้าทายใหญ่หลวงจากข้อเรียกร้องที่ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิงของคู่กรณี โดยฝ่ายปาเลสไตน์นั้นยืนกรานให้อิสราเอลยุติการปิดล้อมฉนวนกาซาที่ดำเนินมา 8 ปี ขณะที่รัฐยิวเรียกร้องให้กาซาเป็นเขตปลอดทหาร
นอกจากนั้น ฮามาสยังคงปฏิเสธการดำรงคงอยู่ของรัฐอิสราเอล และประกาศทำลายล้างรัฐยิว ด้านอิสราเอลก็ประณามฮามาสว่า เป็นกลุ่มก่อการร้ายซึ่งอิสราเอลไม่มีวันผูกสัมพันธไมตรีด้วย
ริอัด อัล-มัลกี รัฐมนตรีต่างประเทศปาเลสไตน์ ยังมีกำหนดเดินทางไปยังเนเธอร์แลนด์ในวันอังคาร เพื่อขอให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ พิจารณาคดีอิสราเอลในฐานะเป็นอาชญากรสงคราม
วันเดียวกัน ซายีดา วาร์ซี รัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศลาออก เนื่องจากไม่สามารถให้ความสนับสนุนนโยบายเกี่ยวกับสงครามของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ได้
ทั้งนี้ แม้ทางการลอนดอนเรียกร้องให้คู่กรณีในกาซาหยุดยิง ทว่า คาเมรอนก็ถูกฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง เนื่องจากไม่ยอมระบุว่าปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในกาซาเป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง
