เอเจนซีส์ - โรงเรียนที่ดำเนินการโดยสหประชาชาติในฉนวนกาซา โดนอิสราเอลถล่มเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 10 วันเมื่อวันอาทิตย์ (3 ส.ค.) มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย ภายหลังที่รัฐยิวยืนยันว่าตนเองเริ่มถอนกำลังทหารบางส่วนออกจากดินแดนของปาเลสไตน์แห่งนี้แล้ว ขณะที่ตัวเลขของชาวปาเลสไตน์ที่ผู้เสียชีวิตไปจากการโจมตีอย่างแหลกลาญของอิสราเอลในช่วงร่วมๆ 1 เดือนที่ผ่านมา ได้เพิ่มเป็นกว่า 1,700 คน นอกจากนั้นยังมีบาดเจ็บอีกเกือบหมื่นคน
การที่อิสราเอลโจมตีโรงเรียนในสังกัดสหประชาชาติครั้งล่าสุดนี้ เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (30 ก.ค.) รถถังของรัฐยิวเพิ่งถล่มโรงเรียนที่ดำเนินการโดยยูเอ็น ในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาลิยา ทางตอนเหนือของดินแดนฉนวนกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 16 ราย และ บัน คีมูน เลขาธิการใหญ่ UN กล่าวอย่างเดือดดาลว่าเป็นสิ่งที่จะต้องถูกประณาม
ในการโจมตีวันอาทิตย์นั้น พวกผู้เห็นเหตุการณ์และหน่วยแพทย์ฉุกเฉินระบุว่า เครื่องบินรบอิสราเอลได้ยิงจรวดเข้าใส่บริเวณทางเข้าโรงเรียนยูเอ็นในเมืองราฟาห์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตอนใต้ของกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย บาดเจ็บราว 30 คน
คริส กันเนส โฆษกสำนักงานเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ของสหประชาชาติ (UNRWA) แถลงว่า โรงเรียนที่ถูกโจมตีล่าสุดนี้กำลังมีชาวปาเลสไตน์หลบภัยอยู่เกือบ 3,000 คน
ในอีกด้านหนึ่ง ความพยายามทางการทูตเพื่อยุติการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ยังคงเป็นความหวังอันลางเลือน ชณะที่การเผชิญหน้าในกาซาย่างเข้าสู่วันที่ 27 ในวันอาทิตย์ (3) และตามตัวเลขของหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน มีชาวปาเลสไตน์ถูกสังหารไปแล้วถึง 1,726 คน บาดเจ็บอีก 9,320 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
ตัวแทนกลุ่มฮามาสและกลุ่มอิสลามิก ญิฮัด เดินทางถึงไคโรเมื่อวันอาทิตย์ เพื่อเจรจาข้อตกลงหยุดยิงกับเจ้าหน้าที่อาวุโสของอียิปต์และอเมริกา ขณะที่อิสราเอลบอกว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะส่งตัวแทนร่วมหารือ เนื่องจากกลุ่มฮามาสละเมิดข้อตกลงหยุดยิงครั้งแล้วครั้งเล่า
ทั้งนี้ อิสราเอลต้องการให้กาซาเป็นเขตปลอดทหารภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงระยะยาว แต่ฮามาสต้องการให้รัฐยิวถอนกำลังออกจากกาซา รวมทั้งให้อิสราเอลและอียิปต์ยุติการปิดล้อมที่ทำให้เศรษฐกิจกาซาซบเซามายาวนานถึง 8 ปี
หนังสือพิมพ์หลายฉบับของอิสราเอลรายงานว่า คณะรัฐมนตรียิวตัดสินใจไม่เดินหน้าเจรจาหยุดยิงกับฮามาสต่อ แต่กำลังพิจารณายุติปฏิบัติการทางทหารฝ่ายเดียว
ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ กองทัพอิสราเอลประกาศว่าได้เริ่มถอนกำลังบางส่วนออกจากกาซา และโฆษกกองทัพระบุว่า ภารกิจทำลายเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินของฮามาสใกล้บรรลุผลเต็มที แต่สำทับว่าปฏิบัติการดังกล่าวยังคงอยู่ และหากจำเป็นกองกำลังภาคพื้นดินจะตอบโต้อย่างรวดเร็ว
สำหรับการโจมตีเมืองราฟาห์ ของกองทัพอิสราเอลนั้นเริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงเช้าวันศุกร์ (1) หลังจากฝ่ายรัฐยิวระบุว่า นักรบฮามาสซุ่มโจมตีและสังหารทหารยิวเสียชีวิต 2 คน ส่งผลให้ข้อตกลงหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม 72 ชั่วโมงล่มลงภายหลังประกาศใช้ได้ไม่กี่ชั่วโมง
นอกจากนั้น กองทัพอิสราเอลระบุว่า มีทหารของตนอีก 1 คนสูญหาย โดยเชื่อว่า ถูกฮามาสจับตัวไป และเรื่องนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ยูเอ็นและทางการอเมริกาออกมาประณามฮ่ามาสอย่างรุนแรง
ทว่า ตอนเช้าวันอาทิตย์กองทัพอิสราเอลประกาศอย่างเป็นทางการว่า ทหารคนดังกล่าวคือ ฮาดาร์ โกลดิน วัย 23 ปี เสียชีวิตในการสู้รบที่กาซาตั้งแต่วันศุกร์
การเสียชีวิตของโกลดินทำให้จำนวนทหารยิวที่ถูกฆ่านับจแต่อิสราเอลเริ่มต้นปฏิบัติการถล่มกาซาคราวนี้เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็น 64 นาย ถือเป็นการสู้รบรุนแรงที่สุดนับจากสงครามเลบานอนในปี 2006
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ประกาศเมื่อคืนวันเสาร์ (2) ว่า จะเดินหน้าปฏิบัติการต่อ และให้สัญญาว่า ฮามาสจะต้องจ่ายในราคาที่ “เกินรับไหว” หากยังคงยิงจรวดใส่อิสราเอล
ผู้นำรัฐยิวเสริมว่า จะใช้เวลาและกำลังเท่าที่จำเป็น และว่าจะทบทวนปฏิบัติการหลังจากทำลายเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินของฮามาสสิ้นซาก
คำประกาศของเนทันยาฮูมีขึ้นหลังจากที่กองทัพอิสราเอลส่งสัญญาณครั้งแรกว่า ได้ยุติปฏิบัติการบางพื้นที่ในกาซา และแจ้งประชาชนในเมืองเบต ลาฮิยา และ อัล-อาตาตรา ซึ่งอยู่บริเวณตอนเหนือของกาซาว่า สามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้นี้ผู้เห็นเหตุการณ์ยืนยันว่ากองทัพยิวได้ออกจากพื้นที่ดังกล่าวแล้วจริง ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นการถอนกำลังฝ่ายเดียว