เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศชัดไม่ยอมรับข้อตกลงหยุดยิงที่ห้ามอิสราเอลเดินหน้าทำลายเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินในฉนวนกาซาของนักรบฮามาสให้สิ้นซาก นอกจากนั้นเขายังเรียกระดมทหารกองหนุนเพิ่มอีก 16,000 นายเตรียมพร้อมขยายการบุกภาคพื้นดิน ส่วนทางอเมริกาแม้ด้านหนึ่งตำหนิการโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยยูเอ็นในกาซา แต่อีกด้านกลับอนุมัติการจัดหากระสุนเพิ่มให้รัฐยิว ขณะเดียวกัน ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติประณามอย่างเหลืออดต่อการโจมตีโรงเรียนของยูเอ็นว่า รัฐยิวจงใจละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
เนทันยาฮู แถลงเปิดประชุมคณะรัฐมนตรีอิสราเอลวาระพิเศษเมื่อวันพฤหัสบดี (31 ก.ค.) ว่า รัฐบาลตัดสินใจดำเนิน “ยุทธการป้องกันเขตแดน” ให้ลุล่วง ไม่ว่าจะมีข้อตกลงหยุดยิงหรือไม่ก็ตาม และสำทับว่าจะไม่ยอมเห็นพ้องกับข้อเสนอที่ไม่อนุญาตให้กองทัพอิสราเอลดำเนินภารกิจนี้จนเสร็จสิ้น
ทั้งนี้ พล.อ.ซามี เทิร์จแมน ผู้บัญชาการฝ่ายใต้ของกองทัพอิสราเอลเผยว่า ภายในเวลา “อีกไม่กี่วัน” กองทัพยิวจะบรรลุภารกิจทำลายเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินที่นักรบอิสลามิสต์ใช้เล็ดรอดเข้าโจมตีทางใต้ของอิสราเอล
ขณะเดียวกัน กองทัพอิสราเอลประกาศเรียกทหารกองหนุนเพิ่มอีก 16,000 คน ส่งผลให้มีการระดมทหารกองหนุนยิวเพื่อใช้ในยุทธการคราวนี้เพิ่มเป็น 86,000 คน ซึ่งสอดคล้องกับมติจากการประชุมคณะรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงเมื่อวันพุธ (30 ก.ค.) ที่อนุมัติการเดินหน้ายุทธการซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค. เพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยจรวดของฮามาส
วันพุธเช่นกัน กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ตกลงจัดส่งกระสุนเพิ่มให้แก่อิสราเอล ซึ่งรวมถึงกระสุนที่สำรองไว้เพื่อให้รัฐยิวใช้ในกรณีฉุกเฉิน โดยชัค เฮเกล นายใหญ่เพนตากอนพยายามลดทอนเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ ด้วยการแจ้งแก้เกี้ยวต่อรัฐมนตรีกลาโหมรัฐยิวว่า อเมริกากังวลกับจำนวนผู้เสียชีวิตในกาซาที่ล่าสุดเพิ่มเป็นเกือบ 1,400 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบ 7,000 คน
นอกจากนั้นในวันเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศอเมริกันได้แถลงประณามการยิงโจมตีโรงเรียนของสหประชาชาติในกาซาเมื่อวันพุธ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 16 รายและบาดเจ็บอีกกว่าร้อย ซึ่งกองทัพยิวอ้างว่าเป็นการตอบโต้การโจมตีของฮามาสที่ซุ่มอยู่ใกล้กับโรงเรียนดังกล่าว แต่เป็นที่สังเกตว่าวอชิงตันระมัดระวังถ้อยคำอย่างยิ่งและไม่พาดพิงถึงรัฐยิวแม้แต่น้อย อีกทั้งสำทับด้วยการประณามผู้ที่นำอาวุธไปซ่อนในอาคารสถานที่ของยูเอ็น
ไม่เพียงโจมตีโรงเรียนของยูเอ็นเท่านั้น ในวันพุธอิสราเอลยังได้ถล่มโจมตีใส่ตลาดย่านเชไจยะ ของกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 17 คน และบาดเจ็บ 200 คน
เกี่ยวกับเหตุการณ์เหล่านี้ นาวี พิลเลย์ ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของ UN ได้ออกมาประณามอย่างเหลืออดว่า อิสราเอลจงใจท้าทายกฎหมายระหว่างประเทศด้วยการโจมตีบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล และอาคารสถานที่ของ UN ที่มีพลเรือนลี้ภัยอยู่ถึง 250,000 คน ซึ่งสำหรับตนไม่มีสิ่งใดบ่งชี้ว่า เป็นอุบัติเหตุ
พิลเลย์สำทับว่า การเรียกร้องให้เคารพกฎหมายถูกเพิกเฉยในระหว่างวิกฤตล่าสุดและการโจมตีหลายครั้งก่อนหน้านี้
ข้าหลวงใหญ่แห่งยูเอ็นแจกแจงว่า ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ อาคารสถานที่ของพลเรือนต้องไม่ถูกโจมตี เว้นแต่มีการใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหาร แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ก็ต้องมีการเตือนก่อนโจมตีเพื่อให้พลเรือนมีโอกาสอพยพหลบภัย
พิลเลย์ยังวิจารณ์การโจมตีของอิสราเอลต่อโรงไฟฟ้า โรงผลิตน้ำประปา และระบบระบายน้ำเสียของกาซา
ทั้งนี้ สัปดาห์ที่แล้ว คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็นลงมติให้เปิดสอบสวนการโจมตีกาซา แม้ถูกคัดค้านรุนแรงจากอิสราเอลและอเมริกาก็ตาม
“เราไม่สามารถปล่อยให้มีการละเว้นโทษ และไม่สามารถปล่อยให้การไร้ความรับผิดชอบนี้ดำเนินต่อไป” พิลเลย์กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี และตั้งคำถามว่าเหตุใดอิสราเอลจึงไม่สอบสวนการกระทำที่ลุแก่อำนาจนี้
“ฉันขอร่วมกับทั่วโลกประณามความก้าวร้าวรุกรานที่เกิดขึ้นในกาซา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสังหารพลเรือน ซึ่งถือเป็นความผิดทั้งขณะนี้และตลอดไป”
พิลเลย์ไม่เพียงประณามอิสราเอลเท่านั้น แต่ยังวิจารณ์การซุ่มโจมตีด้วยจรวดของปาเลสไตน์ต่อชุมชนยิว
ทางด้านบัน คีมูน เลขาธิการใหญ่ UN ขานรับว่า ผู้ที่โจมตีโรงเรียนของยูเอ็นต้องรับผิดชอบกับความผิดที่ก่อขึ้น
แต่ท่ามกลางเสียงประณามจากทั่วโลก และความพยายามแก้ปัญหาด้วยแนวทางการทูตของหลายชาติ รัฐยิวและฮามาสยังคงห้ำหั่นกันโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น รายงานระบุว่า ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 8 รายเมื่อวันพฤหัสบดีในเมืองราฟาห์ นอกจากนี้ เครื่องบินรบยิวยังโจมตีมัสยิดใกล้โรงเรียนของยูเอ็นในจาบาลิยะ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 15 คน
วิกฤตการเผชิญหน้าครั้งล่าสุดนี้ทำให้อิสราเอลสูญเสียทหาร 56 คน นอกจากนั้น จรวดฮามาสยังสังหารพลเรือน 3 คนในอิสราเอล ในจำนวนนี้มีคนงานไทยรวมอยู่ด้วย 1 คน
ถึงแม้ทั้งสองฝ่ายเปิดเผยว่า เปิดกว้างสำหรับการหยุดยิง แต่กลับมีเงื่อนไขแตกต่างโดยสิ้นเชิง อิสราเอลนั้นต้องการให้ฮามาสยุติการโจมตีด้วยจรวดและการโจมตีจากอุโมงค์ใต้ดินในกาซา ขณะที่ฮามาสยืนกรานให้รัฐยิวและอียิปต์ยุติการปิดล้อมกาซาที่ดำเนินมาถึง 8 ปี