สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ เผยช่วย 82 แรงงานไทย พ้นฉนวนกาซาแล้ว พร้อมร้องขอให้นายจ้างหยุดงาน 116 คนไทยที่ลงทะเบียนออกจากพื้นที่ และให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างช่วงหนีภัย
เช้าวันนี้ (31 ก.ค.) กระทรวงการต่างประเทศ ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ แจงผลการช่วยเหลือคนไทยและแรงงานไทยในพื้นที่เสี่ยงภัยว่า ตามที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ประชาสัมพันธ์มาให้ทราบเป็นระยะเกี่ยวกับมาตรการในการป้องกันภัยและการหลบภัยแก่แรงงานไทยที่ทำงานในโมชาฟ/คิบบุตซ์ต่างๆ ที่อยู่ติดกับฉนวนกาซารวม 17 แห่งซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากจรวดที่ถูกยิงเข้ามาตกใกล้ที่พัก หรือที่ทำงาน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เสี่ยงภัยอันดับแรก รวมถึงการเคลื่อนย้ายแรงงานเพื่อไปทำงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยน้อยกว่าเป็นการชั่วคราว การหยุดงาน และขอให้แจ้งความประสงค์เพื่อสถานเอกอัครราชทูตฯ จะได้ช่วยเหลือออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวนั้น
สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอแจ้งผลการดำเนินการ ดังนี้ 1. สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ขอให้ฝ่ายอิสราเอลช่วยเตรียมการเคลื่อนย้ายแรงงานไทย โดยเฉพาะที่อยู่ในระยะ 1-20 กิโลเมตรจากฉนวนกาซา ในโมชาฟ/คิบบุตซ์ จำนวน 17 แห่ง ดังกล่าวข้างต้น และได้แจ้งนายจ้างว่าขอให้แรงงานหยุดงาน และเตรียมตัวเคลื่อนย้ายออกมาจากที่ทำงานปัจจุบัน
2. ผลการเคลื่อนย้ายแรงงาน จนถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2557 แจ้งขอย้ายออก 116 ราย ย้ายออกไปแล้ว 82 ราย รอการย้ายออก 34 ราย (ในจำนวนนี้ มี 21 คน เปลี่ยนใจขออยู่ที่เดิม และอีก 13 คน รอการช่วยเหลือเคลื่อนย้าย)
ทั้งนี้ ฝ่ายอิสราเอลยืนยันว่าการย้ายงานไปทำงานที่อื่นชั่วคราวตามช่องทางที่จัดเตรียมไว้ให้ แรงงานทุกคนจะได้รับเงินค่าจ้างที่ค้างอยู่ และค่าจ้างในการทำงานที่ใหม่ตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนเงินชดเชยในการหยุดงาน สถานเอกอัครราชทูตฯ กำลังหารือกับฝ่ายอิสราเอลและจะแจ้งให้ทราบต่อไป ทางการอิสราเอลแจ้งด้วยว่า นายจ้างเดิมจะรับคนงานกลับไปทำงานที่เดิมได้ หากสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
3. ที่ผ่านมาแรงงานหลายคนยังต้องการทำงานในที่เดิม ไม่ต้องการย้ายที่ทำงาน ในขณะที่ บางส่วนได้ขอกลับประเทศไทยโดยความสมัครใจ สำหรับท่านที่ยังทำงานที่เดิม โดยเฉพาะที่โมชาฟ/คิบบุตซ์ที่อยู่ใกล้กับฉนวนกาซา สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ประสานกับนายจ้างขอความร่วมมือให้อนุญาตให้แรงงานไทยที่ทำงานอยู่หยุดงานได้ชั่วคราว หรือลากลับไปพักงานที่ประเทศไทยได้เป็นการชั่วคราว (อินเตอร์วีซ่า) นอกจากนี้ ได้ประสานให้ทางการอิสราเอลเร่งรัดการติดตั้งที่หลบภัย หรือ บังเกอร์หลบภัยในนิคมเกษตรกรรมให้ทั่วถึงและเพียงพอ
4. โดยที่สถานการณ์ในขณะนี้ยังคงมีการโจมตีกันด้วยจรวดและกระสุนปืนครกกันอยู่ และยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงถาวรกันได้ ดังนั้น การย้ายออกจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยข้างต้น จึงมีความจำเป็นต่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของพี่น้องคนไทยและแรงงานไทยเป็นอย่างยิ่ง หากท่านใดที่มีความประสงค์จะย้ายออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยเป็นการชั่วคราวเพื่อไปทำงานในพื้นที่ที่เสี่ยงภัยน้อยกว่า สามารถแจ้งชื่อ นามสกุล เบอร์โทร.ของท่าน รวมทั้งชื่อนายจ้างและเบอร์โทร.นายจ้างไปให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ทราบเพิ่มเติม ทั้งในและนอกเวลาราชการ
โดยที่ในช่วงนี้เจ้าหน้าที่อาจใช้โทรศัพท์ติดต่อราชการตลอดเวลา เพื่อพูดคุยกับแรงงานและประสานงานกับฝ่ายอิสราเอลในการรับแรงงานออกไปยังพื้นที่เสี่ยงภัยน้อยกว่า ดั้งนั้นโทรศัพท์อาจจะไม่ว่าง จึงขอความกรุณาโทร.กลับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง
โทรศัพท์ติดต่อสถานทูต - ฝ่ายแรงงาน 1) ผู้ช่วยทูตฝ่ายแรงงาน 054 469 3476 2) รองผู้ช่วยทูตฝ่ายแรงงาน 054 469 3477 3) หัวหน้าฝ่ายกงสุล 054 636 8150 4) เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุล 050 537 0759 / 054 431 8830 5) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ 09 954 8412 - 13 6) สำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายแรงงาน 09 954 8431 - 33
ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ที่เมืองเฮอร์ซิเลีย ยังคงเปิดให้บริการ ตามเวลาปกติ สถานที่ 3 Maskit Street, P.O. Box. 2125 Herzilya Pituach, 46120
5. สถานเอกอัครราชทูตฯ มีความเป็นห่วงในความปลอดภัยของทุกท่าน จึงขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของสถานเอกอัครราชทูตฯ ที่ได้แจ้งให้ทราบเป็นระยะ ๆ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งขอให้ติดตามสถานการณ์ เปิดรับข้อมูลข่าวสารของสถานเอกอัครราชทูตฯ โดยเฉพาะจากเฟซบุ๊ก ได้แก่ (1) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ และ (2) แฟนเพจ ชื่อ ทุกเรื่องเมืองยิว รวมทั้งข้อมูลของทางการอิสราเอล ตลอดจนคำแนะนำของนายจ้าง และการติดตามข่าวสารจากสื่อมวลชนต่างๆ อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ขอความกรุณาทุกท่านโปรดใช้ความระมัดระวังในการหลบและป้องกันภัยให้มากที่สุด มีสติในการพิจารณาเรื่องต่างๆ ในทุกสถานการณ์อย่างรอบคอบ พยายามรวมกลุ่ม เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสาร และให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และหากมีการกำหนดตัวผู้ประสานกลุ่มไว้แล้ว ก็ขอความร่วมมือช่วยติดต่อกับสถานเอกอัครราชทูตฯ ด้วย เพื่อร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ไม่แพร่กระจายข่าวที่ไม่มีมูลความจริง หรือข่าวที่เพียงแต่ได้ยินมา หรือ ข่าวลือ เพราะจะทำให้เกิดความสับสน กรณีมีเสียงเตือน หรือสัญญาณเตือนภัย “เชวา อะดอม” ต้องรีบหาที่หลบภัยทันที หรือปฏิบัติตน หรือป้องกันตนเองจากการหลุดรอดเข้ามาของจรวดหรือวัตถุระเบิดต่างๆ ตามคำแนะนำของสถานเอกอัครราชทูตฯ และทางการอิสราเอลที่เคยแจ้งมาก่อนหน้านี้ โดยเคร่งครัด