กกจ. ชะลอส่งแรงงานไทยไปอิสราเอลจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย พร้อมประสานไอโอเอ็มดูแลสิทธิประโยชน์แรงงานไทยที่เสียชีวิต
วันนี้ (25 ก.ค.) ที่กระทรวงแรงงาน นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังหารือกับ นายเจฟฟรีย์ ลาโบวิทซ์ หัวหน้าสำนักงาน องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอโอเอ็ม) ว่า กกจ. ได้ชะลอการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัยในประเทศอิสราเอลตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคมแล้ว จำนวนทั้งหมด 74 คน แต่หากสถานการณ์กลับเป็นปกติก็จะจัดส่งไปทำงานเช่นเดิม ทั้งนี้ ตนได้ขอให้ไอโอเอ็ม ช่วยดูแลสิทธิประโยชน์ที่ครอบครัวของ นายนรากร กิตติยังกุล แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุโจมตีทางอากาศที่อิสราเอลจะได้รับ ซึ่งทางไอโอเอ็มยินดีที่จะช่วยติดตามให้และหากมีข้อติดขัดในเรื่องสิทธิประโยชน์ขอให้แจ้งเพื่อจะได้ช่วยดำเนินการ
นายสุเมธ กล่าวต่อว่า สถานทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้แจ้งทางการอิสราเอลว่าขอให้เคลื่อนย้ายแรงงานไทยที่ทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัยในรัศมี 20 กิโลเมตรจากฉนวนกาซา ซึ่งเป็นพื้นที่สู้รบออกมายังพื้นที่ปลอดภัยโดยด่วนและขอให้นายจ้างให้ลูกจ้างหยุดงานโดยไม่มีข้อแม้
ด้าน นางวันเพ็ญ ยาอุด พี่สาวของนายนรา เปิดเผยว่า ได้รับการประสานงานจากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ว่า จะมีการนำศพของนายนรากรมาถึงกรุงเทพฯ ในวันที่ 28 ก.ค. นี้ มายังสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ยังไม่ทราบเวลาที่แน่นอนซึ่งตนจะไปรับศพของน้องชายโดยหน่วยงานรัฐได้แจ้งว่าได้ช่วยเหลือจัดรถตู้เพื่อนำศพของน้องชายกลับไปทำพิธีศพที่บ้าน ส่วนความช่วยเหลือนั้นเบื้องต้นได้รับแจ้งว่าจากกรมการกงสุลว่าทางการอิสราเอลจะมีเงินชดเชยการเสียชีวิตของน้องชาย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายจ้างอิสราเอลขอให้นายนรากร และเพื่อนแรงงานไทยออกไปทำงานในเรือนเพาะชำ ขณะมีการประกาศเตือนให้แรงงานเข้าที่หลบภัย เนื่องจากมีการโจมตีทางอากาศ แม้บริเวณเรือนเพาะชำจะมีที่หลบภัย แต่ก็มีเหตุทำให้นายนรากรเสียชีวิตในช่วงพัก โดยนางวันเพ็ญ กล่าวว่า อยากให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทางการอิสราเอล
สถานทูตไทยในอิสราเอล รวมทั้งกระทรวงและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทยร่วมมือกันดูแลความปลอดภัยของแรงงานไทยให้มากขึ้น อย่าให้เข้าไปทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย และหากแรงงานไทยประสบเหตุบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตก็ต้องให้ความช่วยเหลือและจ่ายเงินชดเชย
“ขณะนี้ทางการไทยและอิสราเอลควรร่วมมือกันสอบถามความสมัครใจของแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในอิสราเอลทั้งหมดว่ายังคงต้องการทำงานในอิสราเอลหรือไม่ หากแรงงานไทยคนใดไม่ต้องการทำงานแล้ว ควรส่งกลับประเทศไทย หรือหากแรงงานไทยคนใดต้องการทำงานต่อไป ก็ควรอพยพไปทำงานในพื้นที่ที่ปลอดภัย เพราะถ้าแรงงานไทยยังคงทำงานอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยโอกาสที่จะต้องประสบเหตุบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบก็อาจจะเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับน้องชายของตน” นางวันเพ็ญ กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (25 ก.ค.) ที่กระทรวงแรงงาน นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังหารือกับ นายเจฟฟรีย์ ลาโบวิทซ์ หัวหน้าสำนักงาน องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอโอเอ็ม) ว่า กกจ. ได้ชะลอการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัยในประเทศอิสราเอลตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคมแล้ว จำนวนทั้งหมด 74 คน แต่หากสถานการณ์กลับเป็นปกติก็จะจัดส่งไปทำงานเช่นเดิม ทั้งนี้ ตนได้ขอให้ไอโอเอ็ม ช่วยดูแลสิทธิประโยชน์ที่ครอบครัวของ นายนรากร กิตติยังกุล แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุโจมตีทางอากาศที่อิสราเอลจะได้รับ ซึ่งทางไอโอเอ็มยินดีที่จะช่วยติดตามให้และหากมีข้อติดขัดในเรื่องสิทธิประโยชน์ขอให้แจ้งเพื่อจะได้ช่วยดำเนินการ
นายสุเมธ กล่าวต่อว่า สถานทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้แจ้งทางการอิสราเอลว่าขอให้เคลื่อนย้ายแรงงานไทยที่ทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัยในรัศมี 20 กิโลเมตรจากฉนวนกาซา ซึ่งเป็นพื้นที่สู้รบออกมายังพื้นที่ปลอดภัยโดยด่วนและขอให้นายจ้างให้ลูกจ้างหยุดงานโดยไม่มีข้อแม้
ด้าน นางวันเพ็ญ ยาอุด พี่สาวของนายนรา เปิดเผยว่า ได้รับการประสานงานจากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ว่า จะมีการนำศพของนายนรากรมาถึงกรุงเทพฯ ในวันที่ 28 ก.ค. นี้ มายังสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ยังไม่ทราบเวลาที่แน่นอนซึ่งตนจะไปรับศพของน้องชายโดยหน่วยงานรัฐได้แจ้งว่าได้ช่วยเหลือจัดรถตู้เพื่อนำศพของน้องชายกลับไปทำพิธีศพที่บ้าน ส่วนความช่วยเหลือนั้นเบื้องต้นได้รับแจ้งว่าจากกรมการกงสุลว่าทางการอิสราเอลจะมีเงินชดเชยการเสียชีวิตของน้องชาย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายจ้างอิสราเอลขอให้นายนรากร และเพื่อนแรงงานไทยออกไปทำงานในเรือนเพาะชำ ขณะมีการประกาศเตือนให้แรงงานเข้าที่หลบภัย เนื่องจากมีการโจมตีทางอากาศ แม้บริเวณเรือนเพาะชำจะมีที่หลบภัย แต่ก็มีเหตุทำให้นายนรากรเสียชีวิตในช่วงพัก โดยนางวันเพ็ญ กล่าวว่า อยากให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทางการอิสราเอล
สถานทูตไทยในอิสราเอล รวมทั้งกระทรวงและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทยร่วมมือกันดูแลความปลอดภัยของแรงงานไทยให้มากขึ้น อย่าให้เข้าไปทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย และหากแรงงานไทยประสบเหตุบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตก็ต้องให้ความช่วยเหลือและจ่ายเงินชดเชย
“ขณะนี้ทางการไทยและอิสราเอลควรร่วมมือกันสอบถามความสมัครใจของแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในอิสราเอลทั้งหมดว่ายังคงต้องการทำงานในอิสราเอลหรือไม่ หากแรงงานไทยคนใดไม่ต้องการทำงานแล้ว ควรส่งกลับประเทศไทย หรือหากแรงงานไทยคนใดต้องการทำงานต่อไป ก็ควรอพยพไปทำงานในพื้นที่ที่ปลอดภัย เพราะถ้าแรงงานไทยยังคงทำงานอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยโอกาสที่จะต้องประสบเหตุบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบก็อาจจะเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับน้องชายของตน” นางวันเพ็ญ กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
