เอเจนซีส์ - ขบวนการอิสลามิสต์ “ฮามาส” ที่มีอำนาจควบคุมดินแดนฉนวนกาซา ประกาศในวันอาทิตย์ (27 ก.ค.) ยอมขยายเวลาหยุดยิงกับอิสราเอลออกไปอีกเพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม ตามที่นานาชาติเรียกร้อง ทว่าการตอบสนองคราวนี้สายเกินไปมาก โดยบังเกิดขึ้นหลายชั่วโมงหลังจากที่อิสราเอลแถลงว่ากำลังหวนกลับมาเปิดโจมตีทางทหารขึ้นใหม่ เนื่องจากพวกฮามาสยังคงไม่ยุติการยิงจรวดใส่รัฐยิว ทั้งนี้ความพยายามทางการทูตของนานาชาติล้มเหลวลงอีกครั้งในคราวนี้ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดของฝ่ายปาเลสไตน์ทะลุหลัก 1,000 ราย
โฆษกของกลุ่มฮามาส ประกาศในวันอาทิตย์ว่าฝ่ายตนจะเริ่มการหยุดยิงตั้งแต่เวลา 11.00 น.วันอาทิตย์ ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (ตรงกับ 18.00 น.เวลาเมืองไทย) เพื่อเป็นการสนองตอบการเรียกร้องของสหประชาชาติ
ทว่า ความเคลื่อนไหวของขบวนการอิสลามิสต์ปาเลสไตน์นี้ บังเกิดขึ้นหลายชั่วโมงหลังจากอิสราเอลแถลงว่าการประกาศขยายเวลาหยุดยิงแต่ฝ่ายเดียวของตนออกไปอีก 24 ชั่วโมงจนถึงเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (ตรงกับ 04.00 น.วันจันทร์ เวลาเมืองไทย) นั้น ถือเป็นโมฆะแล้ว เนื่องจากมีจรวดของฮามาสยิงออกมาจากดินแดนกาซาอีกตั้งแต่คืนวันเสาร์ (26) โดยที่ฮามาสยังยืนกรานข้อเรียกร้องที่ว่า จะยอมรับการหยุดยิงเมื่ออิสราเอลและอียิปต์ยุติการปิดล้อมฉนวนกาซา และปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์
ซามี อาบู ซูห์รี โฆษกฮามาสให้เหตุผลที่ปฏิเสธไม่ยอมรับการหยุดยิงว่า ข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ผลนั้นจะต้องครอบคลุมการถอนกำลังของอิสราเอลออกจากกาซา และชาวปาเลสไตน์นับหมื่นต้องได้รับอนุญาตให้กลับคืนถิ่นฐานบ้านเรือน
ขณะที่ ก่อนหน้านี้ตอนที่คณะรัฐมนตรีอิสราเอลมีมติขยายเวลาการหยุดยิงดังกล่าวนั้น ได้เตือนว่า จะตอบโต้หากฮามาสยังระดมยิงจรวดเข้ามา รวมทั้งจะยังคงเดินหน้าทำลายเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินที่นักรบอิสลามิสต์ใช้แอบเข้าไปโจมตีในดินแดนอิสราเอล
กองทัพอิสราเอลเผยว่า ฮามาสยิงจรวดข้ามมากว่า 10 ลูกนับจากเที่ยงคืนวันเสาร์ และอิสราเอลจึงตัดสินใจฟื้นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ทะเล และภาคพื้นดินต่อดินแดนกาซาอีก หลังจากขยายเวลาหยุดยิงในวันอาทิตย์ได้เพียง 10 ชั่วโมง
มีรายงานว่า ต่อจากนั้นไม่นาน เกิดการปะทะระหว่างกองทหารอิสราเอลกับนักรบกาซา และมีเสียงระเบิดกึกก้องบริเวณชายฝั่ง พวกนักรบญิหาดเผยว่า ผู้บัญชาการภาคสนามคนหนึ่งเสียชีวิตจากระเบิดที่ยิงจากรถถังยิวในเมืองคาน ยูนิส ของกาซา
การสู้รบที่ดำเนินมาถึงวันที่ 20 แล้ว ทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตกว่า 1,050 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ขณะที่อิสราเอลสูญเสียทหาร 43 นาย พลเรือน 2 คน และคนงานไทยอีก 1 คน จากจรวดและกระสุนปืนใหญ่ที่ยิงมาจากกาซา
การตกลงหยุดยิงเป็นเวลา 12 ชั่วโมงเมื่อวันเสาร์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายยอมรับและมีขึ้นหลังจากความพยายามทางการทูตของอเมริกาและสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นั้น ทำให้ชาวปาเลสไตน์มากมายสามารถกลับไปดูแลบ้านเรือนซึ่งจำนวนมากเหลือเพียงเศษปรักหังพังจากการโจมตี ขณะที่หน่วยแพทย์สามารถเข้าไปเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตได้เกือบ 150 ศพนอกจากนี้ คืนวันเสาร์ยังเป็นคืนแรกในรอบ 3 สัปดาห์ที่ชาวปาเลสไตน์ได้นอนหลับยังสงบสุข
แต่การปฏิเสธขยายเวลาหยุดยิงของฮามาส ทำให้ความพยายามของจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ตลอดจนรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส อิตาลี อังกฤษ เยอรมนี ตุรกี และกาตาร์ ซึ่งหารือกันที่ปารีสเมื่อวันเสาร์ ในการผลักดันให้ข้อตกลงสงบศึกมีความยั่งยืนยิ่งขึ้นนั้น ประสบกับปัญหาซับซ้อนและยากลำบากยิ่งขึ้น
อิสราเอลนั้นเริ่มเปิดยุทธการถล่มโจมตีกาซาที่ใช้ชื่อว่า “ยุทธการป้องกันเขตแดน” ตั้งแต่วันที่ 8 เดือนนี้ โดยในตอนต้นเป็นการถล่มด้วยกำลังทางอากาศและทางเรือ ต่อมาจึงเปิดการโจมตีภาคพื้นดินเข้าสู่กาซา โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อยับยั้งการโจมตีด้วยจรวดของฮามาส ตลอดจนะทำลายเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินของฮามาส
กองทัพยิวยืนกรานว่า พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องชีวิตพลเรือน ซึ่งรวมถึงแจ้งเตือนให้ชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่เป้าหมายอพยพก่อนเปิดฉากโจมตี แต่ฮามาสกลับสั่งให้ประชาชนเพิกเฉยเพราะต้องการใช้เป็นโล่มนุษย์
ในทางกลับกัน นับจากวันที่ 8 ฮามาสและนักรบกลุ่มอื่นๆ ในกาซายิงจรวดโจมตีอิสราเอลกว่า 2,400 ลูก และขยายพิสัยการโจมตีเข้าสู่พื้นที่ชั้นในตามเมืองใหญ่ๆ ของอิสราเอล กระนั้น ฝั่งยิวเสียหายน้อยมากเมื่อเทียบกัน เนื่องจากมีระบบป้องกันขีปนาวุธไอออน โดม และประชาชนป้องกันตนเองด้วยการรีบหาที่หลบภัยหลังจากได้ยินเสียงสัญญาณเตือนการโจมตีทางอากาศ
ขณะเดียวกัน เมื่อวันเสาร์ มีการชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลในลอนดอน และเคลื่อนขบวนต่อไปยังรัฐสภาเพื่อประท้วงปฏิบัติการทางทหารของรัฐยิว ทำให้การจราจรในย่านเวสต์เอนด์เป็นอัมพาต ขณะที่ในฝรั่งเศส ตำรวจปะทะกับผู้ชุมนุมสนับสนุนปาเลสไตน์ที่ท้าทายคำสั่งห้ามเดินขบวนกลางกรุงปารีส
