เอเจนซีส์ - กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) เปิดเผยในวันพุธ (20 ส.ค.) กองทหารหน่วยรบพิเศษของอเมริกาเคยพยายามบุกเข้าช่วยตัวประกันในซีเรียเมื่อต้นฤดูร้อนปีนี้ แต่คว้าน้ำเหลวเนื่องจากไม่พบตัวประกันในพื้นที่เป้าหมายที่บุกเข้าไป การแถลงของทางการสหรัฐฯ คราวนี้มีขึ้นภายหลังกลุ่มนักรบญิฮัด “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) เผยแพร่คลิปวิดีโอสังหารตัวประกันที่เป็นนักข่าวชาวอเมริกันผู้หนึ่ง ซึ่งปรากฏว่าทำให้ทั่วโลกต่างออกมาประณาม ในเวลาเดียวกัน มหาอำนาจยุโรปประกาศพร้อมส่งอาวุธไปให้อิรักต่อสู้กับนักรบอิสลามหัวรุนแรง ขณะที่โอบามาก็ออกมาแถลงยืนยันไม่ยอมรามือตามคำขู่ โดยหลังจากคลิปดังกล่าวเผยแพร่ กองทัพอากาศสหรัฐฯจัดการถล่มที่มั่นไอเอสรวม 14 ครั้ง
รายงานจากสื่อต่างๆ ที่อ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า พวกตัวประกันที่หน่วยรบพิเศษอเมริกันพยายามเข้าไปช่วยเหลือในตอนนั้น หนึ่งในนั้นคือเจมส์ โฟลีย์ ผู้สื่อข่าวอเมริกันที่ถูกนักรบกลุ่มไอเอส สังหารด้วยการตัดคอและเผยแพร่คลิปทางอินเทอร์เน็ตเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (19)
พล.ร.ต.จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงในวันพุธ (20) ว่า ปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกันประกอบด้วยภารกิจภาคพื้นดินและทางอากาศ โดยพุ่งเป้าไปที่เครือข่ายผู้จับตัวประกันภายในกลุ่มไอเอส ทว่า ภารกิจดังกล่าวไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากตัวประกันไม่ได้ถูกขังอยู่ในสถานที่เป้าหมาย อย่างไรก็ดี หน่วยรบพิเศษได้ยิงต่อสู้และสามารถสังหารนักรบหัวรุนแรงหลายคน
ปฏิบัติการดังกล่าวดูเหมือนเป็นครั้งแรกที่อเมริกาปะทะโดยตรงทางภาคพื้นดินกับกลุ่มไอเอส
ทางด้านลิซา โมนาโก ผู้ช่วยระดับสูงด้านการต่อต้านการก่อการร้ายของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลงเพิ่มเติมว่า โอบามาอนุมัติปฏิบัติการดังกล่าวเนื่องจากทีมความมั่นคงแห่งชาติประเมินว่า ตัวประกันตกอยู่ในอันตรายในทุกๆ วันที่ยังอยู่ในการควบคุมของไอเอส
เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ผู้หนึ่งเผยว่า ภารกิจช่วยเหลือตัวประกัน ซึ่งอิงอาศัยข้อมูลข่าวกรองของอเมริกาในคราวนี้ เกิดขึ้นในช่วงต้นฤดูร้อนนี้ในดินแดนซีเรีย
ทว่า รัฐบาลซีเรียออกมาปฏิเสธทันทีว่า เป็นไปไม่ได้ที่เครื่องบินรบอเมริกันจะบินเข้าไปโจมตีที่มั่นของผู้ก่อการร้ายในซีเรียโดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจากทางการดามัสกัส
นอกจากนี้ แม้โอบามาไม่ได้ให้สัญญาว่า จะตามเข้าไปถอนรากถอนโคนกลุ่มไอเอสซึ่งมีที่มั่นสำคัญอยู่ในซีเรียด้วย นอกเหนือจากในอิรักแล้ว แต่กระนั้น มารี ฮาร์ฟ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ในเรื่องดังกล่าว โดยยืนกรานแต่เพียงว่า อเมริกาขอสงวนสิทธิ์ในการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ
อย่างไรก็ดี สมาชิกรัฐสภาอเมริกันหลายคนยังไม่แน่ใจว่า ทำเนียบขาวจะกล้าขยายปฏิบัติการโจมตีเข้าสู่ซีเรีย เนื่องจากที่ผ่านมา โอบามาลังเลมาตลอด
ในคลิปที่ไอเอสนำออกเผยแพร่ นอกจากมีภาพโฟลีย์ ผู้สื่อข่าวอิสระวัย 40 ปี ถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดเพื่อแก้แค้นที่อเมริกาโจมตีทางอากาศต่อไอเอสในอิรักแล้ว ยังมีภาพ สตีเวน ซอตลอฟฟ์ ผู้สื่อข่าวอเมริกันอีกคน ที่ไอเอสขู่ว่า จะถูกสังหารเป็นรายต่อไป หากโอบามายังไม่ยุติการโจมตีในอิรัก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ โอบามาได้ออกมาแถลงเมื่อวันพุธ เรียกร้องให้ทั่วโลก โดยเฉพาะตะวันออกกลาง ดำเนินการกับ “มะเร็งร้าย” ซึ่งหมายถึงนักรบญิฮัดหัวรุนแรงกลุ่มนี้ ซึ่งสามารถเข้ายึดครองพื้นที่กว้างขวางทางตะวันออกของซีเรียและทางเหนือของอิรักอยู่ในขณะนี้
ประมุขทำเนียบขาวสำทับว่า อเมริกาจะทำทุกทางเพื่อนำตัวผู้ที่ทำร้ายชาวอเมริกันไม่ว่าอยู่ในที่ใดก็ตาม มาลงโทษตามความยุติธรรม
มีรายงานด้วยว่า ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากที่ไอเอสเผยแพร่คลิปสังหารผู้สื่อข่าวอเมริกัน กองทัพอากาศแดนอินทรีก็ได้ถล่มที่มั่นและยานพาหนะของไอเอสในอิรักรวม 14 ครั้ง
หลังจากโอบามาออกคำแถลงได้ไม่นาน กระทรวงต่างการประเทศสหรัฐฯ ก็ได้ขอให้ส่งทหารอีก 300 คน ไปปกป้องเจ้าหน้าที่และผลประโยชน์ของอเมริกาในอิรัก อันจะทำให้จำนวนทหารอเมริกันในอิรักเพิ่มเป็นมากกว่า 1,000 นาย
ขณะเดียวกัน ทางด้านรัฐบาลอังกฤษได้เรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อเปิดการสอบสวน เนื่องจากนักรบที่ปลิดชีพโฟลีย์ในคลิป พูดภาษาอังกฤษสำเนียงลอนดอน ทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่า นักรบผู้นั้นเป็นพลเมืองอังกฤษ
ทางด้านสหประชาชาติและมหาอำนาจในยุโรป ต่างประณามการสังหารโฟลีย์
ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งเศส กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี ว่า ไอเอสเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่ป่าเถื่อน
โรนัลด์ โนเบิล ผู้บัญชาการตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ประณามเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นเดียวกัน และเรียกร้องให้ทั่วโลกรับมือภัยคุกคามจากไอเอส
เยอรมนีนั้นยอมทวนกระแสคัดค้านของประชาชน โดยประกาศพร้อมส่งอาวุธสนับสนุนกองกำลังเคิร์ดในอิรักต่อสู้กับไอเอส เช่นเดียวกับรัฐมนตรีกลาโหมอิตาลีที่คาดว่าจะส่งปืน กระสุน และจรวดต่อต้านรถถังไปยังอิรัก