เอเจนซีส์ - เอฟเอเอ สั่งห้ามสายการบินอเมริกันผ่านน่านฟ้าซีเรีย หวั่นถูกผู้ก่อการร้ายสอยร่วง ด้านกลุ่มติดอาวุธมุสลิมสุหนี่ “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ขู่ตามจองล้างจองผลาญสหรัฐฯ ทุกที่ พร้อมอ้างความรับผิดชอบว่าเป็นผู้ลักพาตัวชาวญี่ปุ่นตามคลิปที่ถูกเผยแพร่บนยูทิวบ์ก่อนหน้านี้
จากที่เคยเตือนสายการบินอเมริกันให้หลีกเลี่ยงการบินผ่านซีเรีย ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ (18 ส.ค.) ภายหลังการทบทวนการประเมินความเสี่ยง สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) มีคำสั่งให้ผู้ดำเนินการติดต่อเอฟเอเอก่อนบินเหนือน่านฟ้าซีเรีย
คำแถลงของเอฟเอเอระบุว่า “ความขัดแย้งและสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงที่เป็นอันตรายในซีเรียเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อการบินพลเรือน”
สายการบินต่างๆ ใส่ใจอย่างมากกับเส้นทางบินเหนือพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง นับจากเดือนที่แล้วที่เครื่องบินของสายการบิน “มาเลเซียแอร์ไลน์ส” ถูกขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศยิงตกขณะบินผ่านภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งกบฏโปรรัสเซียกำลังต่อสู้กับกองทัพยูเครน ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 298 คนเสียชีวิต
สำหรับซีเรียนั้นกำลังอยู่ในสงครามกลางเมืองที่มีผู้สังเวยชีวิต 170,000 คนนับตั้งแต่ปี 2011 ที่สำคัญคือ กลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงในประเทศนี้มีอาวุธต่อต้านอากาศยานที่สามารถโจมตีเครื่องบินพลเรือนได้
คำสั่งล่าสุดใช้บังคับเครื่องบินทุกลำและผู้ดำเนินการสายการบินพาณิชย์ทั้งหมดที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ รวมทั้งนักบินที่ถือใบอนุญาตของเอฟเอเอ ยกเว้นเฉพาะเที่ยวบินที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ และเครื่องบินที่จดทะเบียนในแดนอินทรีและดำเนินการโดยสายการบินต่างชาติ
นอกจากนั้น ในเดือนนี้เอฟเอเอยังสั่งห้ามสายการบินและผู้ดำเนินการการบินพาณิชย์ของสหรัฐฯ บินผ่านอิรัก ขณะที่กำลังมีการสู้รบและกองกำลังอเมริกันดำเนินปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก flightradar24.com เว็บไซต์ที่ให้บริการติดตามเที่ยวบินแบบเรียลไทม์ ระบุว่า สายการบินพาณิชย์ส่วนใหญ่เลี่ยงบินผ่านซีเรียและอิรักอยู่แล้ว
คำสั่งของเอฟเอเอมีขึ้นไล่เลี่ยกับที่นักรบกลุ่มรัฐอิสลาม ที่ยึดครองพื้นที่กว้างขวางในซีเรียและอิรักเผยแพร่คลิปเตือนว่า จะโจมตีสหรัฐฯ ทุกที่ หากวอชิงตันโจมตีนักรบของตน โดยคลิปดังกล่าวเผยภาพทหารอเมริกันที่ถูกตัดศีรษะระหว่างสหรัฐฯ ยึดครองอิรัก และเหยื่อมือปืนลอบยิง
ทั้งนี้ การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 10 วันที่แล้ว ช่วยให้กองกำลังเคิร์ดและอิรักยึดพื้นที่บางส่วนคืนจากไอเอส โดยเฉพาะการยึดเขื่อนโมซุลคืนเมื่อวันจันทร์ (17) ซึ่งถือเป็นชัยชนะสำคัญ
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลงแสดงความยินดีกับเคิร์ด แต่เตือนแบกแดดว่า “ภัยร้ายมาจ่ออยู่หน้าประตูบ้าน” ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่อิรักจะต้องเร่งจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ พร้อมให้สัญญาว่า หากอิรักและเคิร์ดร่วมมือกันต่อสู้กับไอเอส วอชิงตันพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อไป ซึ่งนับเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนที่สุดว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ จะยังไม่จบลงในระยะเวลาอันใกล้นี้
อนึ่ง นอกจากคลิปเตือนแดนอินทรีแล้ว เมื่อวันอังคาร (19) สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นยังรายงานว่า ไอเอสอ้างความรับผิดชอบในเหตุจับตัวชายญี่ปุ่นในซีเรียที่มีการโพสต์บนอินเทอร์เน็ตก่อนหน้านี้
คลิปดังกล่าวที่เผยแพร่บนยูทิวบ์เป็นภาพชายสวมยืดคนหนึ่งถูกกลุ่มคนไม่ทราบฝ่ายสอบปากคำ และชายผู้นั้นบอกว่า ตนชื่อ ฮารูนะ ยูกาวะ เป็นนักข่าวและแพทย์
จากการสืบค้นในญี่ปุ่นพบว่า ชื่อดังกล่าวเป็นชื่อของประธานบริหารบริษัทรักษาความปลอดภัยและทหารรับจ้างเอกชนแห่งหนึ่ง
ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ (18) กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นแถลงว่า กำลังตรวจสอบว่า พลเมืองญี่ปุ่นถูกนักรบไอเอสจับทางเหนือของซีเรียจริงหรือไม่ แต่ล่าสุด ยังไม่มีคำแถลงใดๆ จากทางการญี่ปุ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้