รอยเตอร์ - นายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซีย หยิบยกความน่ากลัวของสงครามโลกขึ้นมาหากมหาอำนาจล้มเหลวในการเจรจายุติความขัดแย้งในซีเรีย พร้อมเตือนสหรัฐฯ และอาหรับคิดให้รอบคอบต่อปฏิบัติการทางภาคพื้นใดๆ หากไม่ประสงค์เจอสงครามครั้งใหม่
ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ฮานเดลชบลาตต์ของเยอรมนีก่อนหน้าการประชุมด้านความมั่นคงในมิวนิก นายเมดเวเดฟบอกว่าสหรัฐฯ และรัสเซียต้องออกแรงกดดันทุกฝ่ายในความขัดแย้งซีเรียเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อตกลงหยุดยิง
เมื่อถูกถามถึงข้อเสนอของซาอุดีอาระเบียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่บอกว่าพวกเขาพร้อมเข้าร่วมปฏิบัติการรบทางภาคพื้นดินเพื่อต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรียด้วย หากกองกำลังพันธมิตรที่สหรัฐฯ เป็นผู้นำตัดสินใจรบภาคพื้นดิน
นายเมดเวเดฟตอบว่า “มันจะยิ่งแย่ เนื่องจากการรุกรานทางภาคพื้นมักเปลี่ยนสมรภูมิหนึ่งเข้าสู่สงครามยืดเยื้อ ลองมองสิ่งที่เกิดขึ้นในอัฟกานิสถานและในหลายประเทศดูสิ ผมคงไม่ต้องย้อนความทรงจำคุณกับสิ่งที่เกิดขึ้นในลิเบียหรอกนะ”
“อเมริกาและพันธมิตรต้องคิดให้ดี พวกเขาต้องการสงครามยืดเยื้อหรือเปล่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะชนะสงครามนี้อย่างทันทีทันใด” เขากล่าว หนังสือพิมพ์ฮานเดลชบลาตต์ ที่แปลคำพูดของเขาเป็นภาษาเยอรมนีอีกทอดหนึ่ง “เราต้องผลักดันทุกฝ่ายให้นั่งบนโต๊ะเจรจาแทนการปลดปล่อยสงครามโลกครั้งใหม่”
รัสเซียกำลังปฏิบัติการโจมตีทางอากาศรอบๆ เมืองอเลปโปเพื่อสนับสนุนการรุกคืบของกองกำลังที่ภักดีต่อประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ขณะที่สหรัฐฯ และเหล่าชาติตะวันตกอื่นๆ ก็ดำเนินการทิ้งระเบิดทางเหนือของซีเรียเช่นกัน
การรุกคืบเข้ายึดอเลปโป เมืองใหญ่ที่สุดของซีเรียก่อนสงครามแต่เวลานี้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งอยู่ภายใต้การยึดครองของกบฏ อีกส่วนอยู่ในการครอบครองของรัฐบาล จะเป็นตัวแทนแห่งชัยชนะทางทหารครั้งสำคัญของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด และเป็นรางวัลทางสัญลักษณ์สำหรับรัสเซีย
นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียบอกเมื่อวันพฤหัสบดี (11 ก.พ.) ก่อนหน้าร่วมประชุมในเมืองมิวนิกกับนายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อหารือในประเด็นซีเรีย ว่ามอสโกยื่นข้อเสนอสำหรับบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงในซีเรียและกำลังเฝ้ารอปฏิกิริยาตอบกลับจากเหล่าชาติมหาอำนาจ
สมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกดดันรัสเซียในวันพุธ (10 ก.พ.) ให้หยุดโจมตีทางอากาศสนับสนุนปฏิบัติการรุกคืบของกองกำลังรัฐบาลซีเรียในอเลปโป และปล่อยให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าถึงพื้นที่ ก่อนหน้าการประชุมเหล่าชาติมหาอำนาจในเยอรมนี
“ไม่มีอำนาจใดที่สามารถดำเนินการได้เพียงลำพัง” เมดเวเดฟกล่าว “คุณมีนายอัสซาดและทหารของเขาอยู่ข้างหนึ่ง และมีบางกลุ่มซึ่งกำลังสู้รบกับรัฐบาลอยู่อีกฟากหนึ่ง มันล้วนแต่เต็มไปด้วยความยุ่งยากซับซ้อน อาจต้องใช้เวลาหลายปีหรือเป็นทศวรรษ”