เอเอฟพี - ผู้นำ ส.ส.พรรครัฐบาลเกาหลีใต้ออกมาเรียกร้องวันนี้ (15 ก.พ.) ให้มีการพัฒนาระบบต่อต้านขีปนาวุธนิวเคลียร์ไว้รับมือภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือที่นับวันจะยิ่งน่ากังวล ขณะที่ผู้นำ คิม จอง อึน ก็ประกาศกร้าวเช่นกันว่าจะไม่หยุดยิงดาวเทียมแม้ถูกนานาชาติคว่ำบาตร
แม้กระแสสนับสนุนให้เกาหลีใต้มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ป้องกันตนเองจะยังเป็นเพียงเสียงข้างน้อยในสังคม แต่ก็นับว่าเป็นเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่โสมแดงทดสอบนิวเคลียร์
สหรัฐฯ ถอนอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีออกจากเกาหลีใต้เมื่อปลายปี 1991 แต่ยังคงถือว่าโสมขาวเป็นประเทศพันธมิตรที่อยู่ภายใต้ระบบคุ้มกันนิวเคลียร์ของอเมริกา (US nuclear umbrella)
วอน ยู ชอล ผู้นำ ส.ส.พรรคแซนูรี ระบุว่า ถึงเวลาแล้วที่อาวุธทางยุทธวิธีของสหรัฐฯ จะถูกส่งกลับมาติดตั้งบนคาบสมุทรเกาหลีอีกครั้ง หรือไม่เช่นนั้นโซลก็จะต้องเร่งพัฒนาระบบป้องกันนิวเคลียร์ของตนเองขึ้นมา
“เราไม่สามารถหยิบยืมร่มของเพื่อนบ้านได้ทุกครั้งที่ฝนตก เราจะต้องมีเสื้อกันฝน และสวมใส่มันด้วยตนเอง” สำนักข่าวยอนฮัปอ้างคำพูดที่วอนแถลงต่อรัฐสภา
เกาหลีใต้เป็นหนึ่งใน 190 ประเทศที่ลงนามในสนธิสัญญาไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่เกาหลีเหนือถอนตัวออกจากสนธิสัญญาฉบับนี้เมื่อปี 2003
แม้แต่สหรัฐฯ เองก็คงยากที่จะสนับสนุนหากเกาหลีใต้คิดจะครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ เพราะถือว่าละเมิดหลักการสากลที่ไม่ยอมรับให้มีมหาอำนาจนิวเคลียร์รายใหม่เกิดขึ้นในโลก
สหรัฐฯ พยายามสร้างความเชื่อมั่นให้แก่โซลด้วยการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ บี-52 สตราโตฟอร์เทรสส์ มาบินข่มขวัญเกาหลีเหนือชั่วระยะเวลาสั้นๆ หลังจากที่โสมแดงทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 6 ม.ค.
เมื่อทศวรรษ 1970 อดีตประธานาธิบดี พัค จุง-ฮี ซึ่งเป็นบิดาของประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย เคยเสนอให้เกาหลีใต้ริเริ่มโครงการนิวเคลียร์เพื่อป้องกันตนเอง หลังจากประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศแผนถอนทหารอเมริกันออกจากคาบสมุทรเกาหลี
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือรายงานวันนี้ (15) ว่า ผู้นำ คิม จอง อึน ได้จัดงานเลี้ยงฉลองให้แก่นักวิทยาศาสตร์ ช่างเทคนิค และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายซึ่งมีส่วนช่วยให้การยิงจรวดส่งดาวเทียมกวางเมียงซอง-4 ขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 7 ก.พ. สำเร็จลุล่วงด้วยดี พร้อมระบุว่าภารกิจนี้ “เกิดขึ้นในห้วงเวลาแห่งความยุ่งยาก เนื่องจากพลังชั่วร้ายจากภายนอกมุ่งมั่นที่จะบีบคั้นเกาหลีเหนือยิ่งกว่าแต่ก่อน”
คิมชี้ว่า การยิงดาวเทียมครั้งนี้ประสบความสำเร็จเพราะทีมนักวิทยาศาสตร์มอบความศรัทธาแรงกล้าต่อพรรคแรงงาน และเชื้อเพลิงหลักที่ขับเคลื่อนจรวดก็คือ “หยาดเหงื่อ” ของคนเหล่านี้
ผู้นำคิมเรียกร้องให้คณะนักวิทยาศาสตร์และช่างเทคนิคใช้ความสำเร็จครั้งนี้ “เป็นแรงผลักดันสู่เป้าหมายที่สูงยิ่งๆ ขึ้นไป และช่วยกันส่งดาวเทียมที่มีประสิทธิภาพสู่วงโคจรอีกในอนาคต”
สหรัฐฯ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น กำลังเร่งผลักดันให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงโทษเกาหลีเหนือด้วยมาตรการคว่ำบาตรที่หนักหน่วงยิ่งกว่าทุกครั้ง เพื่อตอบโต้การทดสอบนิวเคลียร์และยิงจรวดพิสัยไกลซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงเวลาแค่ไม่กี่สัปดาห์