เอเอฟพี - คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติแถลงประณามเกาหลีเหนืออย่างรุนแรงจากการยิงจรวดพิสัยไกลครั้งล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ (7 ก.พ.) พร้อมยืนยันจะมีมาตรการคว่ำบาตรเปียงยางให้หนักหน่วงยิ่งกว่าเก่า เพื่อลงโทษการกระทำที่ฝ่าฝืนคำสั่งยูเอ็น “อย่างร้ายแรงและเป็นอันตราย”
ด้วยการสนับสนุนจากจีนซึ่งเป็นมหามิตรของเปียงยาง คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นยังเรียกร้อง “มาตรการตอบโต้ที่ชัดเจน” หลังเกาหลีเหนือยิงจรวดพิสัยไกลที่อ้างว่าเป็นการส่งดาวเทียมกวางเมียงซอง-4 ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
สถานีโทรทัศน์โสมแดงรายงานว่า จรวดพิสัยไกลถูกปล่อยออกจากฐานยิงเมื่อเวลา 09.00 น. ตามเวลากรุงเปียงยาง (07.30 น. ตามเวลาในไทย) และนำดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรรอบโลกในอีก 10 นาทีต่อมา
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า จรวดขั้นสุดท้ายที่มีดาวเทียมติดอยู่สามารถขึ้นไปถึงวงโคจรได้จริงหรือไม่ แม้กองบัญชาการยุทธศาสตร์สหรัฐฯ (US Strategic Command) จะยอมรับว่าตรวจพบ “การยิงขีปนาวุธขึ้นสู่อวกาศ” ก็ตาม
การยิงจรวดซึ่งถือว่าละเมิดคำสั่งห้ามของยูเอ็นหลายข้อครั้งนี้ ถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณท้าทายนานาชาติ หลังจากที่ผู้นำ คิม จอง อึน เพิ่งจะสั่งทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 ไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน
“การกระทำซึ่งรับไม่ได้นี้อาจบั่นทอนการรณรงค์ไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ในระดับนานาชาติ” ฟรองซัวส์ เดอลาตร์ เอกอัครราชทูตผู้แทนฝรั่งเศสประจำยูเอ็น ระบุ
คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นได้หารือมติคว่ำบาตรซึ่งร่างขึ้นโดยญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ มานานหลายสัปดาห์ แต่ยังติดที่ว่าจีนซึ่งเป็นมิตรสนิทกับเกาหลีเหนือนั้นไม่เต็มใจสนับสนุนมาตรการลงโทษที่จะยิ่งบีบคั้นเศรษฐกิจของโสมแดงให้ย่ำแย่ลงไปอีก
คณะมนตรีความมั่นคงซึ่งประกอบด้วยรัฐสมาชิก 15 ประเทศยืนยันว่าจะเร่งประกาศร่างมติดังกล่าว “โดยเร็ว” แต่ก็ยังไม่แน่ว่าปักกิ่งจะยอมเปิดทางให้ใช้บทลงโทษเกาหลีเหนือที่รุนแรงขึ้นหรือไม่
หลิว เจียอี้ เอกอัครราชทูตจีนประจำยูเอ็น แนะนำให้มีการจัดทำร่างมติใหม่ซึ่งจะ “ช่วยบรรเทาความตึงเครียด นำไปสู่การลดอาวุธนิวเคลียร์ รักษาสันติภาพและเสถียรภาพ และส่งเสริมการเจรจาหาทางออก”
จีนซึ่งเป็น 1 ใน 5 สมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงสามารถใช้สิทธิ์ “วีโต” คว่ำร่างมติที่จะเป็นการลงโทษเกาหลีเหนือหนักเกินไปในสายตาของปักกิ่ง เช่น การห้ามเรือสัญชาติเกาหลีเหนือเข้าเทียบท่า หรือจำกัดการขนส่งน้ำมัน เป็นต้น
ซาแมนธา เพาเวอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น ย้ำว่า นานาชาติควรสั่งสอนเกาหลีเหนือให้หนักยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
“เราไม่ควรตอบโต้แบบเดิมๆ สำหรับการกระทำความผิดต่อเนื่องถึง 2 ครั้ง” เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
ด้าน โมโตฮิเดะ โยชิกาวะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำยูเอ็น ก็ออกมาวิจารณ์ท่าทีลังเลของจีน โดยชี้ว่า “จีนเรียกร้องให้มีการเจรจา แต่สิ่งที่เราต้องการในเวลานี้ไม่ใช่การเจรจา แต่คือการกดดันเกาหลีเหนือ”
ขณะที่สหรัฐฯ พยายามโน้มน้าวทุกฝ่ายให้เห็นชอบมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ แต่ วิทาลีย์ เชอร์คิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็น กลับเตือนว่ายูเอ็น “ไม่ควรมุ่งกดดันจนระบบเศรษฐกิจเกาหลีเหนือถึงขั้นพังพินาศ”
แม้จะไม่พอใจที่เปียงยางยังดื้อรั้นพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างไม่ลดละ แต่จีนก็ไม่ต้องการให้ระบอบคอมมิวนิสต์ในเกาหลีเหนือล่มสลาย เพราะนั่นอาจทำให้สองเกาหลีรวมตัวกลายเป็นประเทศพันธมิตรขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่อยู่ประชิดพรมแดนจีน