รอยเตอร์ - ผู้นำเกาหลีใต้กล่าวเตือนวันนี้(13 ม.ค.) ว่า เกาหลีเหนือจะต้องเผชิญบทลงโทษและมาตรการคว่ำบาตรอย่างรุนแรงจากสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรจน “ชาไปถึงกระดูก” สืบเนื่องจากการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งล่าสุด พร้อมเรียกร้องให้ “จีน” ใช้อิทธิพลป้องปรามโสมแดงมากกว่านี้ ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติเกือบเป็นเอกฉันท์สนับสนุนร่างกฎหมายเพิ่มบทลงโทษทางเศรษฐกิจต่อโสมแดง เมื่อช่วงค่ำวันอังคาร(12)
สื่อเกาหลีเหนือรายงานวันนี้(13)ว่า ผู้นำ คิม จอง อึน ได้มีคำสั่งให้เพิ่มพูนทั้งขนาดและศักยภาพของอาวุธนิวเคลียร์ และเตรียมทดสอบ “ระเบิดไฮโดรเจน” ที่มีอานุภาพร้ายแรงยิ่งขึ้นในอนาคต
การทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 ของเกาหลีเหนือเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา ทว่าสหรัฐฯ และผู้เชี่ยวชาญนิวเคลียร์ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าอาวุธซึ่งถูกทดสอบภายในอุโมงค์ใต้ดินที่ ปุงกเย-รี จะเป็น “ระเบิดไฮโดรเจน” จริงตามที่เปียงยางกล่าวอ้าง เนื่องจากพลังของการระเบิดแทบไม่แตกต่างจากการทดสอบระเบิดปรมาณูธรรมดา เมื่อปี 2013
ประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้ เปิดแถลงข่าววันนี้(13)ว่า เกาหลีเหนืออาจแสดงพฤติกรรมยั่วยุด้วยวิธีอื่นๆ อีก รวมถึง “การก่อการร้ายทางไซเบอร์” ดังนั้น นานาชาติจึงควรใช้มาตรการคว่ำบาตรที่หนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม ทว่าเธอเองก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าหมายถึงอะไรบ้าง
“เราร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร เพื่อแสวงหาวิธีคว่ำบาตรที่ได้ผล ซึ่งจะทำให้รัฐบาลเกาหลีเหนือต้องรู้สึกชาเข้าไปถึงกระดูก และไม่ใช่เพียงทำงานร่วมกันในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความร่วมมือในระดับทวิภาคี และพหุภาคี”
พัค ระบุว่า โซลและปักกิ่งกำลังหารือเพื่อร่างมติคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเกี่ยวกับปัญหาเกาหลีเหนือ พร้อมเผยว่าจีนเคยเน้นย้ำหลายครั้งว่าจะไม่อดทนกับโครงการนิวเคลียร์โสมแดง
จีนถือเป็นพันธมิตรและคู่ค้าที่สำคัญเพียงประเทศเดียวที่เกาหลีเหนือมีอยู่
“ดิฉันมั่นใจว่า จีนเองก็ตระหนักดีว่าเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่ไม่ถูกนำไปสู่การปฏิบัติ ย่อมไม่สามารถยับยั้งการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 5 และ 6 ได้ และไม่อาจรับรองสันติภาพและเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลีได้อย่างแท้จริงด้วย”
เกาหลีใต้และจีนมีความสัมพันธ์ที่ดี และร่วมมืออย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้
“ดิฉันเชื่อว่ารัฐบาลจีนคงจะไม่ยอมให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีเสื่อมทรามลงไปกว่านี้... เพราะหุ้นส่วนที่ดีที่สุด คือคนที่พร้อมจะจับมือเราไว้ในยามยาก”
จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ตนได้พูดคุยกับ หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน เพื่อเตือนว่านโยบายที่ปักกิ่งใช้ป้องปรามเกาหลีเหนือยังไม่ได้ผลเพียงพอ
จีนได้ออกมาเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยึดถือคำมั่นสัญญาลดอาวุธนิวเคลียร์ และงดเว้นจากการกระทำที่จะส่งผลให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดไปกว่านี้ แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า จีนไม่ได้เป็นผู้ถือ “กุญแจ” ไขทางออกสำหรับปัญหานิวเคลียร์เกาหลีเหนือ
บ่ายวันนี้(13) ผู้แทนเจรจานิวเคลียร์ของเกาหลีใต้จะร่วมหารือกับผู้แทนของสหรัฐฯ และญี่ปุ่นที่กรุงโซล ก่อนเดินทางต่อไปยังกรุงปักกิ่งในวันพฤหัสบดี(14) ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ก็จะโทรศัพท์พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียเพื่อหารือสถานการณ์เช่นกัน
ร่างกฎหมายคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเพิ่มเติมผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ด้วยมติ 418-2 เสียง เมื่อวานนี้(12) และคาดว่าจะถูกส่งให้วุฒิสภาพิจารณาในอีกไม่ช้า
กฎหมายฉบับนี้มีการเสนอขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี 2015 ทว่าเพิ่งมีการโหวตในสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่เปียงยางประกาศความสำเร็จในการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
“ร่างกฎหมายนี้จะอนุมัติมาตรการกดดันทางการเงิน เพื่อให้ คิม จอง อึน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือไม่สามารถเข้าถึงทรัพย์สินในธนาคารต่างประเทศ ตลอดจนปิดกั้นการไหลเข้าของสกุลเงินแข็งที่หล่อเลี้ยงระบอบโสมแดง” เอ็ด รอยซ์ ประธานคณะกรรมการกิจการต่างประเทศแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ สังกัดพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นผู้ร่างกฎหมายนี้ขึ้น กล่าว