เอเจนซีส์ - เกาหลีเหนือประกาศอ้างในวันพุธ (6 ม.ค.) ว่าตนประสบความสำเร็จในการทดสอบระเบิดไฮโดรเจน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยถึงญี่ปุ่น-เกาหลีใต้โดยตรง อีกทั้งเรียกเสียงประณามจากนานาชาติ ไม่เว้นแม้กระทั่งรัสเซีย และจีน ผู้เป็นพันธมิตรหนึ่งเดียวของโสมแดง ถึงแม้ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากยังไม่เชื่อน้ำคำเปียงยางก็ตาม ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเรียกประชุมด่วนเพื่อพิจารณาเรื่องนี้
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือระบุว่า การทดสอบครั้งล่าสุดซึ่งนับเป็นครั้งที่ 4 ที่เปียงยางทดสอบอาวุธนิวเคลียร์นั้น สั่งการโดยผู้นำสูงสุด คิม จองอึน และลุล่วงเมื่อเวลา 10.00 น. วันพุธ ตามเวลาท้องถิ่น
แม้คาดการณ์กันมานานแล้วว่าเกาหลีเหนือจะทำการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 ในช่วงระยะนี้ แต่การอวดอ้างว่านี่เป็นระเบิดไฮโดรเจนหรือ “เอชบอมบ์” ซึ่งมีอำนาจทำลายล้างสูงกว่าระเบิดปรมาณูหรือ “เอบอมบ์” หลายเท่านั้น ก็ยังทำให้นานาชาติบังเกิดความประหลาดใจและความสงสัยข้องใจเป็นอย่างมาก นอกจากนั้น จากจังหวะเวลาในการทดสอบของโสมแดง ยังช่วยรับประกันด้วยว่ากรณีของเปียงยางจะกลายเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญในศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ปลายปีนี้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ แม้ต้องการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับวอชิงตัน แต่เปียงยางเชื่อมั่นเสมอมาว่าโครงการนิวเคลียร์เป็นหลักประกันสำหรับความอยู่รอดของผู้นำเผด็จการรุ่นที่ 3 ของตนที่นำโดย คิม จองอึน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ข่าวกรองเกาหลีใต้และนักวิเคราะห์อีกมากมายยังไม่ปักใจเชื่อว่าระเบิดที่ทดสอบเมื่อวันพุธเป็นระเบิดไฮโดรเจนแน่ๆ
จากข้อมูลของสมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้ผู้หนึ่งที่เป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการข่าวกรองของสภา ระบุว่า วัสดุอุปกรณ์ล่าสุดที่เปียงยางทดสอบมีอานุภาพทำลายล้างเทียบเท่าระเบิดทีเอ็นทีประมาณ 6 กิโลตัน ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับที่เกาหลีเหนือทดสอบครั้งที่แล้วในปี 2013
หยาง อุก นักวิจัยอาวุโสของ โคเรีย ดีเฟนซ์ แอนด์ ซีเคียวริตี ฟอรัม กล่าวว่า จากขนาดดังกล่าวทำให้ยากที่จะเชื่อว่าเป็นระเบิดไฮโดรเจน แต่เป็นไปได้ว่าเปียงยางทดสอบวัสดุอุปกรณ์ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเอชบอมบ์กับเอบอมบ์
ขณะที่ โจ ซิรินเชียน ผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์และประธานของพลาวแชร์ส ฟันด์ องค์กรด้านความมั่นคงระดับโลก กล่าวคล้ายกันว่า เปียงยางอาจมีไอโซโทปของไฮโดรเจนผสมในระเบิดปรมาณูแบบฟิชชัน แต่ไม่ใช่ระเบิดไฮโดรเจนจริงๆ ที่เกิดจากปฏิกิริยาฟิวชัน
ทางด้านองค์กรสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ (USGS) รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.1 ห่างจากปุงเกรี ซึ่งเป็นสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือราว 49 กิโลเมตร ซึ่งเท่ากับแรงสั่นสะเทือนที่วัดได้ตอนที่เปียงยางทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่แล้ว
กระนั้น การทดสอบล่าสุดยังคงอาจบ่งชี้ได้ว่าเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของโสมแดงมีความคืบหน้าไปพอดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกาหลีเหนือทำได้ตามที่คุยอวดอ้างว่า สามารถลดขนาดของระเบิดลงมาเพื่อให้สามารถติดตั้งในหัวรบของขีปนาวุธได้ นั่นก็อาจหมายถึงภัยคุกคามใหม่ทั้งสำหรับอเมริกา และโดยเฉพาะพันธมิตรในเอเชียของสหรัฐฯ อย่างญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ภายหลังการประกาศของเปียงยาง ทำเนียบขาวออกมาแถลงว่า เฉพาะหน้านี้ยังไม่สามารถยืนยันการกล่าวอ้างของเกาหลีเหนือในเรื่องการลดขนาดระเบิดและเป็นการทดสอบเอชบอมบ์ได้ แต่สำทับว่า อเมริกาจะตอบโต้การยั่วยุของโสมแดง รวมทั้งปกป้องพันธมิตรอย่างเหมาะสม
ส่วน นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ กล่าวว่า ญี่ปุ่นจะตอบโต้การท้าทายของเกาหลีเหนืออย่างแข็งกร้าว เนื่องจากการทดสอบนิวเคลียร์เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงของญี่ปุ่น และละเมิดสนธิสัญญาการไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์
ด้านประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย ประกาศว่า เกาหลีใต้จะดำเนินมาตรการทั้งหมดที่เป็นไปได้ ซึ่งรวมถึงการยื่นญัตติให้สหประชาชาติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเพิ่มเติม
ทั้งนี้ คณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นได้นัดประชุมด่วนในวันพุธตามเวลานิวยอร์ก เพื่อหารือขั้นตอนในการจัดการกับเกาหลีเหนือ
สำหรับปักกิ่ง ซึ่งเป็นพันธมิตรเพียงชาติเดียวของเกาหลีเหนือ กระทรวงการต่างประเทศแถลงว่า จีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการทดสอบนิวเคลียร์ของโสมแดง รวมทั้งจะเรียกเอกอัครราชทูตของเปียงยางมารับทราบการไม่เห็นชอบกับเรื่องนี้ของฝ่ายจีน
“เราเรียกร้องอย่างแข็งขันให้ฝ่ายสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) กระทำตามคำมั่นสัญญาในเรื่องการยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์ของตน และยุติการดำเนินการใดๆ ที่จะทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย” หวา ชุนอิง โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุ พร้อมกับเรียกร้องว่า ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือนั้น หนทางที่ปฏิบัติได้มีเพียงประการเดียวคือการพูดคุยเจรจากัน
ส่วนรัสเซียซึ่งในอดีตเคยมีสัมพันธ์ที่ดีกับเกาหลีเหนือนั้น กระทรวงการต่างประเทศแดนหมีขาวออกคำแถลงว่า หากมีการยืนยันเรื่องการทดสอบคราวนี้จริงๆ แล้ว ก็หมายความว่าเกาหลีเหนือละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและมติต่างๆ ก่อนหน้านี้ของคณะมนตรีความมั่นคงอย่างชัดเจน ซึ่งมีแต่จะทำให้สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลียิ่งเลวร้าย ทั้งนี้ มอสโกเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแสดงความอดกลั้น อย่าได้กระทำการใดๆ ที่จะทำให้ความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นจนควบคุมไม่ได้
ถึงแม้อวดอ้างว่ามีแสนยานุภาพทางทหารระดับโลก แต่ขณะเดียวกันเปียงยางก็อ้างความจำเป็นในการป้องกันตัวเองจากภัยคุกคามภายนอก โดยสำนักข่าวเคซีเอ็นเอประกาศว่า เกาหลีเหนือจะไม่ยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ตราบที่อเมริกายัง “แสดงจุดยืนก้าวร้าว”
เปียงยางยังยืนยันว่า เอชบอมบ์ที่ทำการทดสอบก่อนวันคล้ายวันเกิดผู้นำคิมเพียง 2 วันคราวนี้ เป็น “ระเบิดแห่งความยุติธรรม” เนื่องจากอเมริกา ซึ่งถือเป็นแก๊งโจรโฉดนั้นพยายามอย่างหนักที่จะก่อวิกฤตนิวเคลียร์ต่อเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม เคซีเอ็นเอสำทับว่า เกาหลีเหนือจะเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่มีความรับผิดชอบ และจะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์เว้นแต่ถูกล่วงละเมิดอธิปไตยเท่านั้น รวมทั้งจะไม่ถ่ายโอนศักยภาพนิวเคลียร์ให้กลุ่มบุคคลหรือประเทศอื่นใด