เอเอฟพี - หญิงชราชาวเกาหลีซึ่งเคยตกเป็นทาสบำเรอกามทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อมด้วยกลุ่มผู้สนับสนุนหลายร้อยคน ออกมาชุมนุมที่หน้าสถานทูตญี่ปุ่นในกรุงโซลวันนี้ (30 ธ.ค.) เพื่อคัดค้านข้อตกลงเยียวยา “ที่น่าอับอาย” ซึ่งรัฐบาลโซลได้ไปตกลงกับทางการญี่ปุ่นเพื่อยุติปัญหา โดยยืนกรานว่าจะต่อสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมต่อไป
รัฐบาลญี่ปุ่นได้แถลงขออภัยอย่างเป็นทางการ และมอบเงินเยียวยาจำนวน 1,000 ล้านเยนให้แก่ “สตรีเพื่อการผ่อนคลาย” (comfort women) ในเกาหลีใต้ซึ่งยังมีชีวิตอยู่เพียง 46 ราย โดยทั้ง 2 ประเทศต่างให้คำมั่นว่าข้อตกลงเยียวยาครั้งนี้ “ถือเป็นที่สุด และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก”
หญิงสาวชาวเกาหลีจำนวนมากต้องเผชิญความทุกข์แสนสาหัสจากการถูกบังคับให้ทำงานในซ่องทหาร ระหว่างที่กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นยึดครองคาบสมุทรเกาหลีในช่วงปี 1910-1945 ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่บั่นทอนความสัมพันธ์เกาหลีใต้กับญี่ปุ่นมานานหลายสิบปี
ข้อตกลงประนีประนอมครั้งประวัติศาสตร์ระหว่าง 2 ชาติถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากเหยื่อและนักเคลื่อนไหว ซึ่งไม่พอใจที่ญี่ปุ่นปฏิเสธความรับผิดชอบทางกฎหมายอย่างเป็นทางการ
รัฐบาลโตเกียวย้ำว่า เงิน 1,000 ล้านเยน “มีวัตถุประสงค์เพื่อคืนศักดิ์ศรีให้แก่สตรีเพื่อการผ่อนคลาย” เท่านั้น ไม่ใช่ “เงินชดเชย” อย่างเป็นทางการ
“การต่อสู้ของเรายังไม่จบ” ลี ยอง-ซู อดีตทาสกามซึ่งยังมีชีวิตอยู่ กล่าวขณะชุมนุมประท้วงที่หน้าสถานทูตญี่ปุ่นกับเพื่อนหญิงร่วมชะตากรรมอีก 1 คน และนักเคลื่อนไหวอีกราวๆ 250 คน
ชาวเกาหลีใต้ได้จัดการชุมนุมหน้าสถานทูตญี่ปุ่นทุกสัปดาห์มานานหลายปี เพื่อเรียกร้องให้โตเกียวยอมขออภัย และจ่ายค่าชดเชยให้แก่เหยื่ออย่างเป็นทางการ
“เราจะสู้ต่อไปเพื่อให้ญี่ปุ่นยอมขออภัยและรับผิดทางกฎหมาย เมื่อนั้นเหยื่อที่เสียชีวิตไปแล้วจึงจะได้รับความเป็นธรรม” ลี วัย 88 ปี กล่าว
กลุ่มผู้ชุมนุมได้จัดพิธีไว้อาลัยแก่สตรีเพื่อการผ่อนคลายที่เสียชีวิตลงในปีนี้ ก่อนที่บรรยากาศจะร้อนแรงขึ้นเมื่อผู้ประท้วงป่าวร้องสโลแกนประณามญี่ปุ่น และนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ
ผู้ประท้วงต่างชูภาพถ่ายเหยื่อกามที่เสียชีวิตไปแล้ว รวมถึงป้ายข้อความประณามข้อตกลงกับรัฐบาลปลาดิบ โดยเฉพาะเรื่องที่กรุงโซลสั่งย้ายรูปปั้นสตรีเพื่อการผ่อนคลายที่เคยตั้งอยู่หน้าสถานทูตญี่ปุ่น
รัฐบาลโสมขาวจะต้องหาวิธีทำสังคมส่วนใหญ่ยอมรับข้อตกลงฉบับนี้ ซึ่งมีกระแสตอบรับทั้งดีและไม่ดี ขณะที่สื่อบางสำนักวิจารณ์ว่า ประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย ยอมตกลงแลกเปลี่ยนเป็นมูลค่าที่เล็กน้อยเกินไป คือประมาณ 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 300 ล้านบาทเท่านั้น อีกทั้งญี่ปุ่นยังไม่ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายต่อความโหดร้ายป่าเถื่อนที่ได้กระทำไว้กับผู้คนบนคาบสมุทรเกาหลีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
จากการสอบถามสตรีเพื่อการผ่อนคลายกลุ่มเล็กๆ พบว่าพวกเธอไม่ยอมรับข้อตกลงฉบับนี้ ขณะที่ผลโพลล่าสุดพบว่า ชาวเกาหลีใต้ร้อยละ 66 “ไม่เห็นด้วย” ที่รัฐบาลจะย้ายรูปปั้นสตรีเพื่อการผ่อนคลายไปไว้ที่อื่น
นักประวัติศาสตร์กระแสหลักเชื่อว่า มีผู้หญิงเอเชียมากถึง 200,000 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นสตรีชาวเกาหลี ถูกบังคับให้เข้าสู่ระบบทาสกามของญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ทางการญี่ปุ่นยืนยันว่า เรื่องสตรีเพื่อการผ่อนคลายได้เจรจากันจบสิ้นไปแล้วขณะทำสัญญาฟื้นความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ในปี 1965 ซึ่งเวลานั้นโตเกียวยอมชดเชยเป็นเงินถึง 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งในรูปของเงินบริจาคและเงินกู้ให้แก่กรุงโซล
อย่างไรก็ดี รัฐบาลเกาหลีใต้กลับมองว่าสนธิสัญญาฟื้นฟูความสัมพันธ์ไม่ได้ครอบคลุมถึงวงเงินชดเชยแก่เหยื่อในช่วงสงคราม และญี่ปุ่นไม่อาจยกเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างปัดความรับผิดชอบทางกฎหมายได้
การขออภัยและให้เงินเยียวยาครั้งนี้ทำให้ อาเบะ ถูกสื่อมวลชนและกลุ่มอนุรักษ์นิยมขวาจัดในญี่ปุ่นติเตียนอย่างหนัก ขณะที่สื่อจีนก็วิจารณ์ว่าการยอมรับผิดของผู้นำญี่ปุ่น “ไม่จริงใจ และไม่เพียงพอ” ต่อความเลวร้ายที่ญี่ปุ่นได้กระทำต่อประเทศเพื่อนบ้าน