เอเจนซีส์ - มอสโกแซงก์ชันอังการา ตอบโต้กรณีที่เครื่องบินรบถูกตุรกีสอยร่วงเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดแกน แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ยังไม่ยอมเอ่ยปากขอโทษตามที่ประมุขเครมลินต้องการ
วันเสาร์ (28 พ.ย.) รัสเซียออกกฤษฎีกาที่ลงนามโดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพื่อประกาศยุติบริการเครื่องบินเช่าเหมาลำระหว่างสองประเทศ ห้ามธุรกิจรัสเซียว่าจ้างคนตุรกี และจำกัดการนำเข้าสินค้าบางประเภทของตุรกี รวมทั้งขอให้บริษัททัวร์รัสเซียระงับการขายทริปท่องเที่ยวตุรกี ซึ่งปกติแล้วเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวรัสเซีย โดยมาตรการใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปีหน้า
กฤษฎีกาที่โพสต์บนเว็บไซต์ของเครมลินกล่าวถึงความจำเป็นในการปกป้องความมั่นคงของชาติและพลเมืองรัสเซียจาก “อาชญากรรมและกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ”
ทั้งนี้ ปูตินสั่งให้รัฐบาลจัดเตรียมบัญชีสินค้า บริษัท และงานที่จะได้รับผลกระทบจากกฤษฎีกานี้ และคาดว่าจะเผยแพร่บัญชีสินค้านำเข้าที่ถูกแบน ซึ่งสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลว่าอาจครอบคลุมอาหารและผลิตภัณฑ์อื่นๆ บางประเภท
การประกาศของเครมลินมีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เออร์โดแกน ผู้นำตุรกี แสดงท่าทีประนีประนอมที่สุดนับจากเหตุยิงเครื่องบินรัสเซียเมื่อวันที่ 24 ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่ารู้สึกเสียใจจริงๆ และไม่ต้องการให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น และหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก
“เราหวังว่าปัญหาระหว่างเรากับรัสเซียจะไม่ลุกลามและส่งผลลบร้ายแรงในอนาคต” เออร์โดแกนสำทับ พร้อมย้ำข้อเรียกร้องในการนัดหารือกับปูตินระหว่างการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ปารีสในวันจันทร์ (30)
อย่างไรก็ดี ผู้นำตุรกียังคงไม่ยอมขอโทษตามที่ปูตินเรียกร้องมาตั้งแต่ต้น
อังการานั้นยืนยันว่า เครื่องบินรบซู-24 รุกล้ำน่านฟ้าและเพิกเฉยต่อคำเตือนให้เปลี่ยนเส้นทางหลายครั้ง ทว่า มอสโกยืนยันว่า เครื่องบินของตนไม่ได้ออกจากพรมแดนซีเรียแต่อย่างใด
เหตุการณ์นี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่าครึ่งศตวรรษที่เครื่องบินรัสเซียถูกสมาชิกองค์การสนธิสัญญาปกป้องแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ยิงตก
นอกจากนั้น เมื่อวันศุกร์ (27) เออร์โดแกนยังเตือนมอสโกว่า “อย่าเล่นกับไฟ” ตอบโต้ที่รัสเซียประกาศระงับยกเว้นวีซ่าให้นักเดินทางตุรกีนับจากวันที่ 1 มกราคมปีหน้า
ต่อมาในวันเสาร์ กระทรวงต่างประเทศตุรกีแถลงเตือนพลเมืองให้งดเดินทางไปยังรัสเซียโดยไม่จำเป็นจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ทางด้านบัน คีมูน เลขาธิการยูเอ็น ให้สัมภาษณ์ฟรานซ์ 24 ว่า เหตุการณ์ยิงเครื่องบินรัสเซียเป็นเรื่องที่ “น่าสลด” และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแก้ไขข้อขัดแย้งผ่านการเจรจา โดยย้ำว่าทั้งสองประเทศเป็นสมาชิกสำคัญในการต่อสู้กับนักรบญิฮัดกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)
รัสเซียนั้นปิดทางเลือกในการตอบโต้ทางทหาร แต่ประกาศใช้มาตรการต่างๆ ที่พุ่งเป้าที่ภาคเศรษฐกิจโดยรวมของตุรกี ซึ่งรวมถึงการท่องเที่ยว เกษตรกรรม และอาจรวมโครงการพลังงานสำคัญด้วย
วันศุกร์ เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า ตุรกีล้ำเส้นสิ่งที่ยอมรับได้ และเตือนว่า เหตุการณ์นี้จะบ่อนทำลายผลประโยชน์ของตุรกีเอง
ช่วงหลายปีมานี้สองประเทศกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าเหนียวแน่น และรัสเซียกลายเป็นซัปพลายเออร์น้ำมันและก๊าซรายใหญ่ที่สุดของตุรกี
แต่ทั้งคู่กลับอยู่คนละฝั่งในกรณีความขัดแย้งในซีเรีย โดยอังการาสนับสนุนกลุ่มกบฏที่ต้องการโค่นล้มประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรีย ขณะที่มอสโกเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ยังเหลืออยู่ของผู้นำดามัสกัส
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีอาเหม็ด ดาวูโตกลูของตุรกี พยายามผ่อนคลายสถานการณ์และเรียกร้องให้ทั่วโลกร่วมมือกำจัดไอเอสผ่านบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์
ทว่า เมื่อวันเสาร์ ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกของปูติน กลับประกาศว่า ผู้นำรัสเซียพร้อมเผชิญหน้าระยะยาวกับตุรกี และสั่ง “ระดมพลเต็มอัตราศึก” เพื่อจัดการกับภัยคุกคามที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากตุรกี
เพสคอฟเสริมว่า ปูตินรับรู้คำขอพบปะเป็นการส่วนตัวของเออร์โดแกนในระหว่างการประชุมที่ปารีส แต่ไม่ได้ให้คำตอบใดๆ ว่าจะมีการหารือหรือไม่