เอเจนซีส์ / MGR online - โมฮัมหมัด เมจบาฮุดดิน เจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งกระทรวงการคลังบังกลาเทศเผยในวันเสาร์ (14 พ.ย.) ระบุว่าประเทศของตนต้องการเงินช่วยเหลือสูงถึง 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 430,920 ล้านบาท) สำหรับการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้หลุดพ้นจากการเป็น “ประเทศด้อยพัฒนา” ภายในปี 2021
เมจบาฮุดดินกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวที่กรุงธากา ก่อนเข้าร่วมการประชุมเป็นเวลา 2 วันซึ่งจะเปิดฉากในวันอาทิตย์ (15) กับบรรดาองค์กรผู้บริจาคระหว่างประเทศโดยระบุ หากบังกลาเทศต้องการจะบรรลุเป้าหมายในการหลุดพ้นจากการเป็นประเทศด้อยพัฒนา และก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่มี “รายได้ปานกลาง” ได้สำเร็จภายในปี ค.ศ. 2021 บังกลาเทศจะต้องเร่งเดินหน้าลงทุนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศแบบขนานใหญ่ แม้ว่าจะต้องพึ่งพาเงินลงทุนส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศก็ตาม
ที่ผ่านมา รัฐบาลบังกลาเทศมีสถิติการลงทุนในด้านดังกล่าวเพียง 2-3 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีต่อปี อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งกระทรวงการคลังบังกลาเทศรายนี้เผยว่าหากบังกลาเทศจะยกระดับตัวเองให้ขึ้นเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลาง อาจต้องเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเป็น 12 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีเป็นอย่างน้อย
ขณะที่มัตลุบ อาเหม็ด ประธานสหพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งบังกลาเทศ ออกมาเปิดเผยเพิ่มเติมว่า การจะยกระดับเป็นประเทศรายได้ปานกลางให้ได้สำเร็จภายในปี 2021 บังกลาเทศจำเป็นต้องเร่งสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ได้อย่างน้อย “ปีละ 8 เปอร์เซ็นต์” ซึ่งถือเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับรัฐบาลของประเทศมุสลิมในภูมิภาคเอเชียใต้แห่งนี้
อย่างไรก็ดี คาซูฮิโกะ ฮิงูจิ ผู้อำนวยการประจำประเทศบังกลาเทศของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ให้คำมั่นจะเดินหน้าสนับสนุนรัฐบาลบังกลาเทศต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว โดยที่เอดีบีถือเป็นหุ้นส่วนสำคัญของรัฐบาลบังกลาเทศมายาวนานตั้งแต่ปี 1973 และเป็นผู้จัดหาเงินช่วยเหลือมูลค่ามากกว่า 17,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือราว 628,425 ล้านบาท) ให้กับรัฐบาลธากาสำหรับใช้จ่ายในโครงการพัฒนาต่างๆ ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา