เอเจนซีส์ - แอช คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวหารัสเซียเป็นอันตรายต่อระเบียบโลก พร้อมแสดงความกังวลเกี่ยวกับการขยายอิทธิพลและแสนยานุภาพทางทหารของจีน ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งภายในเอเชีย แต่สำทับว่า วอชิงตันกำลังหาวิธีที่สร้างสรรค์เพื่อยับยั้งความก้าวร้าวของหมีขาวและพญามังกรแล้ว
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (7) ในงานเรแกน เนชันแนล ดีเฟนซ์ ฟอรัม คาร์เตอร์กล่าวต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและเจ้าหน้าที่กลาโหมที่เดินทางเข้าร่วมประชุมจากทั่วสหรัฐฯ ณ โรนัลด์ เรแกน เพรสซิเดนเชียล ไลบรารีว่า มอสโกกำลังดำเนินกิจกรรมท้าทายทั้งทางทะเล อากาศ อวกาศและในโลกไซเบอร์
นายใหญ่เพนตากอนระบุว่า สิ่งที่รบกวนจิตใจที่สุดคือพฤติกรรมการข่มขู่ด้วยนิวเคลียร์ของรัสเซียที่ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของผู้นำรัสเซียในเสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์และการเคารพบรรทัดฐานที่ต่อต้านการใช้อาวุธนิวเคลียร์
การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวอาจถือเป็นถ้อยคำที่รุนแรงที่สุดที่คาร์เตอร์กล่าวถึงอดีตศัตรูยุคสงครามเย็นของอเมริกา
คาร์เตอร์เสริมว่า ไม่ต้องการทำสงครามหรือเป็นศัตรูกับรัสเซีย แต่เพื่อป้องกันความผิดพลาด อเมริกาจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ชาติพันธมิตรและความเป็นระเบียบ รวมถึงอนาคตที่ดีของโลก
การวิพากษ์ของคาร์เตอร์สะท้อนความจริงที่ว่า หลังจากช่วงเวลากว่าสองทศวรรษในการครอบงำความสัมพันธ์ระหว่างกัน มาวันนี้ อเมริกาเห็นว่า รัสเซียกลับมาอวดอ้างสถานะมหาอำนาจอีกครั้ง ขณะที่จีนกำลังขยายอิทธิพลทางทหารออกสู่ภายนอก ซึ่งแนวโน้มเหล่านี้กำลังทดสอบความมีอำนาจและความเป็นผู้นำในระเบียบโลกของอเมริกา
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ที่เพิ่งเสร็จสิ้นการเยือนเอเชียเป็นเวลา 8 วัน อ้างอิงเสาหลักของระเบียบโลกที่ควรปกป้องและส่งเสริม ได้แก่ การแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ การเป็นอิสระจากการข่มขู่ การเคารพอธิปไตยของประเทศ และเสรีภาพในการเดินเรือและการบิน
คาร์เตอร์แจงว่า ตัวละครบางตัวมีเจตนาหรือกำลังบ่อนทำลายหลักการเหล่านั้นและลดทอนระเบียบโลก และว่า แม้กลุ่มก่อการร้ายอย่างไอเอสคัดค้านค่านิยมของอเมริกา ทว่า มีความท้าทายอื่นๆ ที่ซับซ้อนและมีศักยภาพในการสร้างความเสียหายมากกว่า
“แน่นอนว่า รัสเซียและจีนไม่สามารถล้มล้างระเบียบโลกได้ แต่ทั้งสองประเทศนำเสนอความท้าทายที่ต่างออกไป” คาร์เตอร์ กล่าว
เขากล่าวหารัสเซียว่า กำลังสร้างปัญหาในยุโรปและตะวันออกกลาง เช่น ด้วยการละเมิดอธิปไตยของยูเครนและจอร์เจีย รวมทั้งพยายามข่มขู่ประเทศในแถบบอลติก ขณะเดียวกัน มอสโกยังเติมเชื้อความขัดแย้งในซีเรียอันจะทำให้สงครามกลางเมืองยืดเยื้อและกระตุ้นลัทธิหัวรุนแรงที่รัสเซียอ้างว่า ต้องการกำจัด
“เรากำลังปรับปรุงทัศนคติในการดำเนินการและแผนการฉุกเฉินเพื่อกำราบความก้าวร้าวของรัสเซีย และลดความเสี่ยงสำหรับพันธมิตรและหุ้นส่วนของเรา” คาร์เตอร์กล่าวและเสริมว่า อเมริกากำลังปรับปรุงหัวรบนิวเคลียร์ ลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เช่น โดรนและเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล รวมทั้งเลเซอร์และระบบอาวุธนิวเคลียร์ใหม่ๆ
ทั้งนี้ รัสเซียภายใต้ยุคสมัยของ วลาดิมีร์ ปูติน ท้าทายอเมริกาในหลายพื้นที่ รวมถึงอาร์กติกปีที่แล้ว ซึ่งมอสโกเผยว่า ได้เปิดฐานทัพสมัยโซเวียตอีกครั้งตามแนวชายฝั่งอาร์กติกที่ใกล้กับจุดที่สงครามเย็นสิ้นสุดลงในปี 1991 นอกจากนี้ รัสเซียยังลาดตระเวนทางอากาศนอกชายฝั่งอเมริกาบ่อยครั้ง
กระนั้น คาร์เตอร์สำทับว่า เป็นไปได้ที่จะเห็นมอสโกมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในซีเรีย และว่า ปูตินอาจไตร่ตรองไม่ถี่ถ้วนถึงเป้าหมายในประเทศนี้ ซึ่งทำให้รัสเซีย “ออกนอกลู่นอกทาง” และวอชิงตันจะใช้แนวทางที่สมดุลเพื่อร่วมมือกับมอสโกเมื่อเหมาะสมและสร้างสรรค์
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ยังตั้งข้อสังเกตว่า จีนเป็นผู้เล่นทรงอิทธิพลที่สุดและเพียงรายเดียวในอนาคตของเอเชีย ซึ่งในฐานะมหาอำนาจดาวรุ่งนั้น จีนย่อมต้องมีความทะเยอทะยานมากขึ้นและมีกองทัพที่ปรับปรุงให้ทันสมัย กระนั้น พฤติกรรมของปักกิ่งจะเป็นบททดสอบที่แท้จริงสำหรับความมุ่งมั่นที่มีต่อสันติภาพและเสถียรภาพ
เขายังระบุว่า ขณะนี้อเมริกาเบนความสนใจสู่เอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งรวมถึงการส่งอาวุธทางทะเลและอาวุธอื่นๆ เรือ และอุปกรณ์ที่ดีที่สุดมายังภูมิภาคนี้ รวมทั้งยังเปลี่ยนแผนปฏิบัติการและแนวทางเพื่อระงับความก้าวร้าว ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายในการปกป้องไต้หวัน พันธมิตร และเตรียมการแผนการฉุกเฉินที่ครอบคลุมขึ้นในเอเชีย
นายใหญ่เพนตากอนกล่าวว่า อเมริกาเห็นด้วยกับประเทศต่างๆ ในเอเชียที่กังวลกับจังหวะและขอบเขตการสร้างเกาะเทียมของจีนในทะเลจีนใต้ และยังเป็นห่วงว่า แนวโน้มการเพิ่มการประจำการณ์ทางทหารในบริเวณดังกล่าวอาจเพิ่มความเสี่ยงในการคำนวณผิดพลาดหรือความขัดแย้งในหมู่ประเทศที่อ้างสิทธิ์อธิปไตยในทะเลจีนใต้
คาร์เตอร์ทิ้งท้ายว่า อเมริกาจะใช้เสรีภาพในการเดินเรือในทะเลจีนใต้อีก แต่ไม่ได้ระบุวันเวลาที่ชัดเจน