xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊กเพนตากอนขึ้นเรือบรรทุกเครื่องบินท้าทายจีน “สี จิ้นผิง” เยือนฮานอยเยียวยาสัมพันธ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน (ซ้าย) สัมผัสมือกับนายกรัฐมนตรีเหวียน เติ๋น หยุง ของเวียดนาม (ขวา) ก่อนพบปะหารือกันที่ทำเนียบรัฐบาลในกรุงฮานอยวันพฤหัสบดี (5) ประมุขของแดนมังกรยังมีกำหนดพบหารือกับเหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ประธานาธิบดีเจื่อง เติ่น ซาง ด้วย
เอเจนซีส์ - รัฐมนตรีกลาโหม แอช คาร์เตอร์ ของสหรัฐฯ ขึ้นตรวจเยี่ยมเรือบรรทุกเครื่องบินอเมริกันซึ่งกำลังแล่นในทะเลจีนใต้เมื่อวันพฤหัสบดี (5 พ.ย.) พร้อมตอกย้ำว่าปักกิ่งเป็นตัวการทำให้ภูมิภาคแถบนี้ตึงเครียด ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของแดนมังกร ก็เปิดฉากเยือนเวียดนาม เพื่อเยียวยาความสัมพันธ์ที่สั่นคลอนจากข้อพิพาทในทะเลจีนใต้

คาร์เตอร์ ซึ่งนำ ไฮชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซียไปด้วย ได้ขึ้น “ออสเปรย์” อากาศยานรุ่นใหม่ของอเมริกาที่เป็นเครื่องบินกึ่งเฮลิคอปเตอร์ ออกจากรัฐซาบาห์ของแดนเสือเหลือง บินไปร่อนลงบนเรือบรรทุกเครื่องบิน “ยูเอสเอส ธีโอดอร์ รูสเวลต์” ขณะที่เรือลำนี้ พร้อมด้วยเรือลำอื่นๆ ในหมู่เรือเดียวกัน โดยลำหนึ่งคือ เรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี “ยูเอสเอส แอสเซน” กำลังแล่นอยู่ห่างจากปลายสุดทางด้านใต้ของหมู่เกาะสแปรตลีย์ในทะเลจีนใต้ราว 150-200 ไมล์ทะเล และ 70 ไมล์ทะเลจากภาคเหนือของมาเลเซีย

นายใหญ่เพนตากอนกล่าวขณะอยู่บนเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ว่า “แถวๆ นี้มีความกังวลกันมากเกี่ยวกับความประพฤติของจีน” เขายังกล่าวชมเรือธีโอดอร์ รูสเวลต์ ด้วยว่า “นี่คือสัญลักษณ์ของบทบาทอันสำคัญยิ่งยวดซึ่งแสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐฯแสดงให้เห็น ในภูมิภาคซึ่งมีผลกระทบอย่างยิ่งต่ออนาคตของอเมริกัน”

เขากล่าวย้ำว่าสหรัฐฯจะอยู่ในภูมิภาคนี้ และระบุว่าจีนควรกลายเป็น “ส่วนหนึ่งของระบบความมั่นคงของเอเชีย ไม่ใช่ยืนห่างออกจากระบบดังกล่าวนี้”

ชื่อของเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้มาจากชื่อของประธานาธิบดีธีโอดอร์ รูสเวลต์ และคาร์เตอร์พูดพาดพิงว่า คำขวัญของประธานาธิบดีผู้นี้คือ “พูดเบาๆ แต่ถือไม้อันโตๆ” พร้อมกับอธิบายความหมายสำทับว่า ให้พูดจากกับคนอื่นๆ และดูว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อให้บรรลุกข้อตกลงกัน

เขาบอกว่า ภูมิภาคแถบนี้มีเสถียรภาพมายาวนานแล้ว จึงเป็นเรื่องน่าละอายถ้ามีคนทำลายเสถียรภาพนี้ ซึ่งเขาไม่คาดหมายว่ามันจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

ก่อนหน้านี้ เมื่อถูกผู้สื่อข่าวข้อถามถึงความสำคัญของการเยือนเรือบรรทุกเครื่องบินครั้งนี้ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน นายใหญ่เพนตากอนตอบว่า เนื่องจากความตึงเครียดในบริเวณนี้ส่วนใหญ่เกิดจากข้อพิพาทจากโครงการถมทะเลของจีน และกิจกรรมส่วนใหญ่เมื่อปีที่แล้วก็ถูกยั่วยุจากจีน

จีนนั้นประณามอเมริกาที่ส่งเรือแลสเซน แล่นเฉียดเกาะเทียมที่จีนสร้างขึ้นในหมู่เกาะสแปรตลีย์เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว และเตือนว่า เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ อาจบานปลายกลายเป็นสงครามในน่านน้ำดังกล่าว หากอเมริกาไม่ยุติพฤติกรรมยั่วยุ

คำเตือนดังกล่าวไร้ความหมายในสายตาวอชิงตัน ซึ่งระบุว่า จะส่งเรือออกตรวจการณ์ลาดตระเวนทะเลจีนใต้ท้าทายการอ้างสิทธิ์ของจีนอย่างน้อยไตรมาสละ 2 ครั้ง นอกจากนี้ อเมริกาและจีนยังโทษกันไปมาว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้ที่ประชุมรัฐมนตรีกลาโหมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกในมาเลเซียเมื่อวันพุธ (4) ไม่สามารถออกคำแถลงร่วมได้

ในวันพฤหัสบดี หวา ชุนอิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน แถลงว่า จีนเคารพและปกป้องเสรีภาพในการเดินเรือของทุกๆ ประเทศภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ แต่คัดค้านการชูเสรีภาพในการเดินเรือเพื่อเป็นข้ออ้างในการสั่งสมทางทหารในทะเลจีนใต้ และกระทั่งยั่วยุและคุกคามอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศอื่นๆ ดังนั้น จีนจึงหวังว่า อเมริกาควรดำเนินการและแสดงเจตนารมณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเปิดเผย

ที่วอชิงตัน เบน โรดส์ ผู้ช่วยที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ แสดงความเชื่อมั่นว่า ความมุ่งมั่นในเสรีภาพในการเดินเรือของอเมริกาได้รับการสนับสนุนจากสมาคมอาเซียน แต่สำทับว่า ชาติเหล่านั้นต้องการให้วอชิงตันและปักกิ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

อีแวน เกรแฮม ผู้อำนวยการอินเตอร์เนชันแนล ซีเคียวริตี้ โปรแกรม จากโลวี อินสติติวท์ ฟอร์ อินเตอร์เนชันแนล โพลีซี ในซิดนีย์,ออสเตรเลีย ขานรับว่า การที่ไฮชามมุดดินขึ้นเรือบรรทุกเครื่องบินกับคาร์เตอร์ สะท้อนว่า เอเชียอาคเนย์เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่อเมริกาต้องการป่าวประกาศ

จีนนั้นอ้างสิทธิ์อธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด ทำให้มีเรื่องขัดแย้งกับเพื่อนบ้านหลายชาติที่อ้างสิทธิ์ในน่านน้ำดังกล่าวเช่นเดียวกัน แต่ไม่กว้างขวางและก้าวร้าวเท่าจีน

หนึ่งในนั้นคือเวียดนามซึ่งเผชิญหน้ากับจีนอย่างดุเดือด หลังจากปีที่แล้วที่ปักกิ่งเข้าไปตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันขนาดใหญ่ใกล้หมู่เกาะพาราเซลที่สองประเทศแย่งชิงกันอยู่ ส่งผลให้เกิดจลาจลต่อต้านจีนอย่างรุนแรงในเวียดนาม

นับจากนั้น สองประเทศก็พยายามเยียวยาความสัมพันธ์ผ่านการติดต่อของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ล่าสุดคือการเดินทางเยือนฮานอยของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในวันพฤหัสบดี (5)

ประมุขจีนได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติ ด้วยการยิงสลุต 21 นัด ก่อนที่จะเข้าพบหารือกับบรรดาผู้นำเวียดนามในการประชุมแบบปิดลับ

สำนักข่าวซินหวาของทางการจีนรายงานโดยอ้างคำแถลงของสีที่แสดงความหวังว่า การเยือนครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างมิตรภาพดั้งเดิม กำหนดแนวทางพัฒนาความสัมพันธ์ในอนาคต และยกระดับความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างกันอย่างครอบคลุม ซินหวายังรายงานว่า อาจมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างพรรค การค้า การลงทุน และโครงสร้างพื้นฐาน

ทางด้านสื่อประเทศเจ้าภาพรายงานโดยอ้างอิงการเปิดเผยของฝ่าม บิ่งห์ มิงห์ รัฐมนตรีต่างประเทศว่า ผู้นำจีนและเวียดนามจะหารือเพื่อกระชับความสัมพันธ์ รวมทั้งพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลจีนใต้และข้อพิพาทอื่นๆ

กระนั้น นักวิเคราะห์ชี้ว่า การเยือนของสีไม่มีแนวโน้มจะเกิดความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านดินแดน หากทั้งสองฝ่ายยังยึดมั่นจุดยืนของตัวเอง

ขณะที่บทบรรณาธิการของซินหวาระบุว่า การแก้ไขข้อพิพาทด้านดินแดนขึ้นอยู่กับเจตจำนงและความสามารถของเพื่อนบ้านสองฝ่ายในการจัดการความคิดเห็นที่แตกต่าง และไม่ควรปล่อยให้มือที่สามเข้ามาแทรกแซง

ขณะเดียวกัน รายงานระบุว่า มีชาวเวียดนามราว 30 คนประท้วงหน้าสถานเอกอัครราชทูตจีนในกรุงฮานอยช่วงสั้นๆ เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่เข้าสลายและต้อนขึ้นรถออกไปจากบริเวณดังกล่าว

ถึงแม้มีข้อพิพาทด้านดินแดน แต่จีนถือเป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกันถึง 58,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว

ในวันศุกร์ (6) สีมีกำหนดปราศรัยต่อสมาชิกรัฐสภาเวียดนาม ซึ่งไม่บ่อยครั้งนักที่ผู้นำต่างแดนจะได้มากล่าวปราศรัย