เอเอฟพี / เอพี / เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - พรรคการเมือง “นิว อาเซอร์ไบจัน ปาร์ตี้” ภายใต้การนำของประธานาธิบดีอิลาม อลิเยฟ เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะได้ครองเสียงข้างมากในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาครั้งล่าสุดที่ถูกคว่ำบาตรโดยบรรดาพรรคการเมืองฝ่ายค้าน
รายงานข่าวล่าสุดซึ่งอ้างคำแถลงในวันจันทร์ (2 พ.ย.) ของมาซาคีร์ ปานาคอฟ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางของอาเซอร์ไบจันระบุว่า พรรคการเมือง “นิว อาเซอร์ไบจัน ปาร์ตี้” ภายใต้การนำของประธานาธิบดีอิลาม อลิเยฟ สามารถคว้ามาได้ 71 ที่นั่ง จากจำนวนที่นั่งในรัฐสภาทั้งหมด 125 ที่นั่ง
ขณะที่จำนวนผู้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาคราวนี้ที่จัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (1 พ.ย.) มีสัดส่วนที่ 55.7 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั้งหมดราว 5.9 ล้านคน
ถึงแม้จะเป็นฝ่ายที่สามารถคว้าชัยชนะได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาหนนี้ แต่ประธานาธิบดีอลิเยฟกลับถูกตั้งข้อสงสัยจากบรรดากลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนระดับนานาชาติหลายกลุ่มถึงความชอบธรรมในการจัดการเลือกตั้ง เนื่องจากก่อนหน้านี้รัฐบาลอาเซอร์ไบจันได้ดำเนินคดีและจำคุกบรรดาแกนนำฝ่ายค้านหลายต่อหลายรายด้วยข้อกล่าวหาที่ถูกมองว่า “เลื่อนลอย” และเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อกำจัดคู่แข่งทางการเมือง
ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่เคยมีการเลือกตั้งครั้งใดในอาเซอร์ไบจัน ที่ได้รับการรับรองจากบรรดาผู้สังเกตการณ์นานาชาติให้เป็นการเลือกตั้งที่เสรีและบริสุทธิ์ยุติธรรมเลย นับตั้งแต่ที่อลิเยฟ ก้าวขึ้นครองอำนาจบริหารประเทศเมื่อปี 2003 เป็นต้นมา
ก่อนการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาคราวนี้ พรรคการเมืองฝ่ายค้านขนาดใหญ่หลายพรรคซึ่งรวมถึง พรรคสภากองกำลังประชาธิปไตยแห่งชาติ (เอ็นซีดีเอฟ), พรรคมูซาวัต ปาร์ตี้ และเดโมเครติก ปาร์ตี้ ออฟ อาเซอร์ไบจัน ต่างประกาศคว่ำบาตรไม่เข้าร่วมการเลือกตั้ง ขณะที่พรรคฝ่ายค้านอีกพรรคอย่างรีพับลิกัน อัลเทอร์เนทีฟ ได้เข้าร่วมการเลือกตั้ง แต่ประกาศจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งที่ถูกประกาศออกมาในประเทศนี้ที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม และถือเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตพลังงานที่สำคัญที่ช่วย “หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของยุโรป”
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีอิลาม อลิเยฟได้ก้าวขึ้นครองอำนาจในฐานะผู้นำสูงสุดของอาเซอร์ไบจันภายหลังจากการถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปี 2003 ของประธานาธิบดีเฮย์ดาร์ อลิเยฟ ที่เป็นบิดาของเขา ซึ่งเป็นอดีตสายลับ “เคจีบี” ในยุคโซเวียต และเป็นผู้ปกครองอาเซอร์ไบจันด้วยกฎเหล็กมาตั้งแต่ปี 1993
ในเวลานี้ อาเซอร์ไบจันซึ่งพึ่งพารายได้หลักจากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้าย จากผลพวงของราคาพลังงานที่ตกต่ำในตลาดโลกและภาวะเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้ทางการอาเซอร์ไบจันต้องประกาศปรับค่าเงินสกุล “มานาต” ของตนลงไปแล้วถึง 34 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ