xs
xsm
sm
md
lg

อุทธรณ์ยืนจำคุกคนละ 1 ปี ปรับ 5 หมื่น “วีระกานต์-จตุพร-ณัฐวุฒิ” หมิ่น“วัชระ” โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุกคนละ 1 ปี ปรับ 5 หมื่นบาท “วีระกานต์-จตุพร-ณัฐวุฒิ” จัดรายการหมิ่น “วัชระ เพชรทอง” โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี

ที่ห้องพิจารณา 910 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (12 ต.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ ที่ อ.4977/2555 ที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวีระกานต์ หรือวีระ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช., นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีต รมช.พาณิชย์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 332, 328 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี

โจทก์ยื่นฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2552 จำเลยที่ 1-3 จัดรายการความจริงวันนี้ ออกอากาศสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวีของคนเสื้อแดง กล่าวหาว่าโจทก์พิมพ์หนังสือชื่อ “สมัคร จาบจ้วง ป๋าเปรม ถึงนอมินีทักษิณ” ขึ้นมาใหม่ หลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีถึงแก่อสัญกรรมแล้ว และพวกจำเลยยังเรียกร้องให้คนเสื้อแดงมาคุกคามโจทก์ที่พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่หนังสือดังกล่าวได้พิมพ์เผยแพร่ที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2551 โดยมีคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เป็นประธานในพิธีเปิดตัวหนังสือฉบับนี้ ร่วมกับนายปรีชา สามัคคีธรรม ก่อนที่นายสมัครจะถึงอสัญกรรม จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2558 ลงโทษจำเลยทั้งสามในความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ ตามมาตรา 328 และ 332 ให้จำคุกจำเลยทั้ง 3 คนละ 1 ปี ปรับ คนละ 5 หมื่นบาท แต่เมื่อพิจารณาพฤติการณ์ของจำเลยแล้วเห็นว่าไม่ร้ายแรง จึงให้รอการลงโทษจำเลยทั้งสามไว้กำหนดคนละ 2 ปี และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจากการทำละเมิดโจทก์จำนวน 6 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันที่ 29 ธันวาคม 55 ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันโฆษณาคำพิพากษาย่อในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ คมชัดลึก และแนวหน้า เป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน ต่อมาโจทก์และจำเลยยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมหารือกันแล้วเห็นว่า ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ในการนำข้อความที่กล่าวในรายการนำมาลงในเว็บไซต์นั้น โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานนำสืบให้เห็นว่าจำเลยทั้งสามเป็นผู้นำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จึงยังไม่อาจรับฟังได้ ส่วนที่จำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ผ่านรายการความจริงวันนี้หรือไม่นั้น เห็นว่าการจัดรายการโทรทัศน์ต้องมีการซ้อมก่อนว่าใครจะพูดอะไร และต้องมีการตรวจสอบข้อมูลก่อนออกอากาศ เพราะหากผิดพลาดจะเสียหายในวงกว้าง จากข้อความที่จำเลยทั้งสามจัดรายการฟังได้ชัดแจ้งว่า โจทก์เปลี่ยนรูปปกหนังสือ “สมัคร จาบจ้วง ป๋าเปรม ถึงนอมินีทักษิณ” ให้เข้ากับสถานการณ์หลังจากที่นายสมัครถึงแก่อสัญกรรม การกล่าวของพวกจำเลยเป็นการกล่าวรับกันเป็นช่วงๆ โดยตกลงกันไว้ก่อน โดยเฉพาะจำเลยที่ 3 ได้ระบุชื่อโจทก์ว่าจงใจนำรูปนายสมัครมาทำปกหนังสือ จึงเชื่อว่าจำเลยที่ 1-3 ซ้อมจัดรายการล่วงหน้า และการใช้ถ้อยคำหยาบคายกล่าวถึงโจทก์ว่าเป็นคนไม่ดี เลว ชั่ว ย่อมแสดงเจตนาของคนกล่าวได้ว่าต้องการยั่วยุให้ผู้รับฟังเข้าใจผิด ถูกดูหมิ่นเกลียดชังในตัวโจทก์ หาใช่เป็นการเตือนสติโจทก์ตามที่จำเลยอ้าง อีกทั้งโจทก์และจำเลยเป็นส.ส.ด้วยกันย่อมไม่ควรด่าทอให้เสื่อมเสียชื่อเสียง นอกจากนี้ หลังจัดรายการปรากฏว่าวันถัดมามีผู้ชุมนุมหลายร้อยคนไปชุมนุมหน้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ข่มขู่ให้โจทก์ขอขมาศพนายสมัครและครอบครัว เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ยุติว่าโจทก์ไม่มีการเปลี่ยนรูปปกหนังสือตามที่ถูกกล่าวหา ข้อความของจำเลยทั้งสามจึงเป็นการจงใจกล่าวเท็จ

ส่วนที่โจทก์ขอให้ไม่รอการลงโทษจำเลยที่ 1-3 นั้น เห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลยยังไม่ร้ายแรง ที่ศาลชั้นต้นให้รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน

นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า ชีวิตอยู่ในเรือนจำสบายดี เมื่อวานเตรียมข้าวของเครื่องใช้มาพร้อม ตนเข้ามาครั้งที่ 3 ตอนนี้ไม่หวั่นหรือวิตกเรื่องใด สามารถปรับตัวได้

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวว่า คดีหมิ่นประมาทศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกพวกตนทั้ง 3 คน คนละ 1 ปี แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี และให้ร่วมกันจ่ายค่าเสียหายให้นายวัชระ เพชรทอง จำนวน 6 แสนบาท ซึ่งจะได้ปรึกษากับทีมทนายความว่าจะยื่นฎีกาหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า วันนี้มีโอกาสได้เจอนายจตุพรในห้องพิจารณาคดีก็พบว่าสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจยังเข้มแข็งดี เมื่อคืนนายจตุพรก็หลับเป็นปกติ และได้มีโอกาสพบเพื่อนมิตรที่อยู่ข้างในเรือนจำ เช่น นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือคนอื่นๆ ที่ถูกจองจำก่อนหน้านี้ ซึ่งนายจตุพรยังยืนยันว่าการต่อสู้ประชาธิปไตยเป็นภาระหน้าที่ของประชาชน และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ถือว่าตัวเองยังมีส่วนร่วมกับภารกิจนี้ เราหารือกับทีมกฎหมายคิดว่าจะรวบรวมข้อเท็จจริงต่างๆ ให้ครบถ้วนเพื่อจะยื่นขอประกันตัวอีกครั้งในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งอยู่ระหว่างรวมรวบข้อมูลเพื่อประกอบคำร้องขอประกันตัว ส่วนการทำงานของกลุ่ม นปช.ยังคงดำเนินไปตามปกติ อะไรที่ทำอยู่แล้วก็ทำต่อไป

“พวกเราจะเดินหน้าไปตามแนวทางที่ถูกต้อง ส่วนกรณีพี่น้องฝากกำลังใจหรือจะมาเยี่ยมเยียนคุณจตุพร ได้พูดคุยกับทางเรือนจำก็เห็นตรงกันว่าควรจะกำหนดเวลาให้ชัดเจนเพื่อความสะดวกในการปฏิบัติของทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายเจ้าหน้าที่ โดยทุกวันราชการ เวลา 11.10 น.ก็ได้เปิดให้เข้าเยี่ยม พวกเราไปเยี่ยมเป็นประจำอยู่แล้วที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ” นายณัฐวุฒิกล่าว




 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น