xs
xsm
sm
md
lg

จำคุก4แกนนำเสื้อแดง4ปี4เดือน ข้อหานำม็อบบุกบ้าน"ป๋าเปรม"ปี50

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลพิพากษาจำคุก 4 แกนนำเสื้อแดง "วีระกานต์-ณัฐวุฒิ-เหวง-วิภูแถลง" รวมคนละ 6 ปี 6 เดือน ฐานนำม็อบบุกบ้าน "ป๋าเปรม" เมื่อปี 50 แต่คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้เหลือ 4 ปี 4 เดือน ส่วน "นพรุจ" ผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงาน ลงโทษจำคุก 4 ปี แต่ลดให้เหลือ 2 ปี 8 เดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ ที่ อ.3531/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง 1.นายนพรุจ หรือนพรุฒ วรชิตวุฒิกุล แกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 2.นายวีระศักดิ์ เหมะธุลิน 3.นายวันชัย นาพุทธา 4.นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) 5.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. 6.นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย 7.นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป มีมีดดาบ มีดดายหญ้า มีดปลายแหลม มีดพกหลายเล่มเป็นอาวุธ ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายและกระทำการให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยมีจำเลยกับพวกซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้องเป็นหัวหน้าและมีหน้าที่สั่งการ ใช้ , ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังขู่เข็ญ และจำเลยที่ 1 ได้ใช้ไม้เสาธงตีประทุษร้ายร่างกาย ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ นามจันทร์เจียม เป็นเหตุให้กระดูกข้อมือแตกเป็นอันตรายสาหัสต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนา และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้ที่มั่วสุมเลิกไปแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรค 2, 215, 216 ประกอบมาตรา 33, 83 และ 91 กรณีเมื่อวันที่ 22 ก.ค.2550 แกนนำและแนวร่วม นปช. นำขบวนผู้ชุมนุมหลายพันคนจากเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ สนามหลวง ไปยังบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อเรียกร้องกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง

โดยจำเลยที่ 1-3 และ 5-7 เดินทางมาศาล ขณะที่นายวีระกานต์ จำเลยที่ 4 ได้มอบให้ผู้แทนนำใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจยื่นต่อศาล เพื่อขอเลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปก่อน เนื่องจากมีอาการป่วยเลือดออกในลำไส้ ศาลสอบถามโจทก์แล้วไม่คัดค้าน พิจารณาแล้วอนุญาตให้เลื่อนอ่านคำพิพากษาเฉพาะของจำเลยที่ 4 ออกไปเป็นวันที่ 30 ก.ย. เวลา 09.00 น. และให้อ่านคำพิพากษาของจำเลยที่เหลือในวันนี้

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่การชุมนุม เบิกความว่า ในการชุมนุมของกลุ่ม นปช. แต่ละครั้งจะมีการแจ้งสถานที่ในการเคลื่อนขบวนล่วงหน้าทุกครั้ง แต่ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 20-22 ก.ค.2550 จำเลยที่ 4-7 ได้ปราศรัยชักชวนให้กลุ่มผู้ชุมนุมมารวมตัวกันวันที่ 22 ก.ค.เพื่อเคลื่อนขบวนการชุมนุมโดยปกปิดสถานที่ และเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมมารวมตัวกันที่สนามหลวง จำเลยที่ 4-7 ได้ปราศรัยไปในทิศทางเดียวกันให้กลุ่มผู้ชุมนุมเดินจากสนามหลวงไปบ้านสี่เสาเทเวศร์ ซึ่งการชุมนุมในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการชุมนุมโดยสงบตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยในการชุมนุม มีเพียงแก๊สน้ำตา กระบอง และโล่

เมื่อกลุ่ม นปช.เดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเจรจาไม่ให้เคลื่อนขบวนเข้าไปที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เนื่องจากเป็นพื้นที่หวงห้าม แต่ปรากฏว่าจำเลยที่ 5 ได้มีการพูดชักชวนให้กลุ่มผู้ชุมนุมฝ่าแนวกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไป และให้เอารั้วเหล็กออก แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งให้เลิกแล้ว แต่จำเลยที่ 5 ยังชักชวนให้กลุ่มผู้ชุมนุมฝ่าด่านสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไป โดยมีการแย่งรั้วเหล็กกั้น และผลักดันเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ถอยออก แม้จะไม่ใช่การทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เมื่อมีการยื้อแย่งรั้วเหล็ก ก็ถือว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ที่จำเลยที่ 4-7 ต่อสู้คดีอ้างว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยอมให้ผู้ชุมนุมรื้อรั้วกันเอง โดยฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ขัดขวางนั้น แต่จากภาพเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจและแกนนำ นปช.ได้มีการเจรจากัน เพื่อขอไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าไปในบริเวณพื้นที่หวงห้ามดังกล่าว การที่จำเลยที่ 4-7 นำพยานบุคคลมาสืบมีน้ำหนักน้อย ไม่สามารถหักล้างพยานโจทก์ได้

ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 4-7 ร่วมกันเป็นแกนนำชักชวนให้ทำหรือไม่กระทำการใดๆ มีพฤติการณ์เป็นหัวหน้าสั่งการ , ก่อให้เกิดความวุ่นวายตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ส่วนจำเลยที่ 1-3 โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาแสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้ง 3 ได้ร่วมชุมนุมมาตั้งแต่ต้น แม้จำเลยที่ 3 จะยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างให้ขับรถปราศรัย ซึ่งก็ทำไปตามหน้าที่ โจทก์ไม่มีพยานมานำสืบหักล้าง จึงมีเหตุอันควรสงสัยพอสมควรว่าจำเลยที่ 1-3 มีส่วนกับการชุมนุมหรือไม่ จึงยกผลประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลย 1-3

ส่วนกรณีเหตุการณ์ประทุษร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภายหลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนตัวไปถึงบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิกนั้น เป็นการกระทำผิดซึ่งหน้า การที่กลุ่มผู้ชุมนุมขัดขวางใช้อิฐตัวหนอนขว้างปาเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้จับกุมจำเลยที่ 4-7 โดยจำเลยที่ 4-7ยังพูดชักชวนให้กลุ่มผู้ชุมนุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ แม้ว่าพวกจำเลยจะนำสืบว่าไม่ได้พูดปลุกระดม แต่เหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาโดยกลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้ใช้วัสดุที่อยู่ใกล้ตัวมาป้องกันตัว เห็นว่าการจับกุมเป็นหน้าที่ของตำรวจสามารถจับกุมได้ เมื่อเห็นการกระทำผิดซึ่งหน้า และตามพยานหลักฐานที่เป็นภาพบันทึกเหตุการณ์ปรากฏว่า จำเลยที่ 4-7 พูดปราศรัยขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมแกนนำ นปช. โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมใช้เก้าอี้พลาสติกและก้อนอิฐตัวหนอนขว้างใส่เจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่ใช่การป้องกันตัวตามที่จำเลยกล่าวอ้าง

ส่วนที่พวกจำเลยปราศรัยไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมทำร้ายเจ้าหน้าที่นั้น หากพิจารณาพฤติการณ์ตั้งแต่ต้นเปรียบเทียบกันแล้ว เห็นว่าคำพูดในส่วนนี้พูดปนกับเร้าให้ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้มีเจตนาห้ามปรามอย่างจริงจัง แม้จำเลย 4-7 ไม่ได้ลงมือเอง แต่ได้ปราศรัยข้อความชักชวนย่อมถือว่าจำเลยที่ 4-7 มีความผิดฐานยุยงให้ผู้อื่นต่อสู้ขัดขวาง

สำหรับจำเลยที่ 1 มีเจ้าพนักงานที่กำลังปฏิบัติการจับกุมเบิกความยืนยันว่า จำเลยที่ 1 ใช้อิฐขว้างใส่เจ้าหน้าที่และใช้ไม้เสาธงปัดแกว่งไปมา ระหว่างที่ดึงตัวลงจากรถจำเลยที่ 1 ใช้เข่ากระแทกใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจจนมือขวาหัก ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ขณะที่จำเลยที่ 2-3 โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานในฐานนี้

พิพากษาว่า นายนพรุจ จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ ให้จำคุก 4 ปี

ส่วนนายวีระกานต์ , นายณัฐวุฒิ , นายวิภูแถลง และ นพ.เหวง จำเลยที่ 4-7 ให้จำคุกคนละ 3 ปี ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญ โดยกระทำความผิดเป็นหัวหน้า ให้จำคุกอีกคนละ 2 ปี ฐานเมื่อเจ้าหนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิก แต่ไม่เลิก และให้จำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน ฐานเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานด้วย รวมจำคุกจำเลยที่ 4-7 คนละ 6 ปี 6 เดือน

ทั้งนี้ คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง เห็นควรลดโทษให้ คนละ 1 ใน 3 โดยคงโทษจำคุกนายนพรุจ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน ส่วนนายวีระกานต์ , นายณัฐวุฒิ , นายวิภูแถลง และ นพ.เหวง จำเลยที่ 4-7 เหลือจำคุกคนละ 4 ปี 4 เดือน และให้ยกฟ้องนายวีระศักดิ์ และนายวันชัย จำเลยที่ 2-3 และให้ริบของกลางทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษา ทนายความของจำเลยทั้ง 4 คน ได้ยื่นเงินสดเพื่อประกันตัวคนละ 5 แสนบาท เพื่อต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ และล่าสุดศาลได้พิจารณาคำร้องแล้ว อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว นายนพรุจ , นายณัฐวุฒิ , นายวิภูแถลง และ นพ.เหวง ตีราคาประกันคนละ 5 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยทั้ง 4 เดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ส่วนนายวีระกานต์ ตามกำหนดต้องมาฟังคำพิพากษาในวันที่ 30 ก.ย. และน่าจะได้รับการประกันตัวเช่นเดียวกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น