xs
xsm
sm
md
lg

“เต้น” ขึ้นศาลคดีก่อการร้าย ได้ทีจ้อตีกันรัฐบาลอย่าพาดพิงเหตุบึ้ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ASTV ผู้จัดการ - ศาลอาญาสืบพยานโจทก์ คดี 24 แกนนำ นปช.ก่อการร้าย ระหว่างชุมนุมปี 53 “ณัฐวุฒิ” เดินทางมาศาล ได้โอกาสจ้อสื่อเหตุบึ้มแยกราชประสงค์ ตีกันรัฐบาลอย่าตั้งธงล่วงหน้าหรือพาดพิงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ควรให้ข้อมูลประชาชนตามพยานหลักฐาน



วันนี้ (20 ส.ค.) ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์ คดีแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) ก่อการร้าย หมายเลขดำ อ.2542/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช., นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีต รมช.พาณิชย์, นพ.เหวง โตจิราการ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กับพวกรวม 24 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้ปรากฏต่อประชาชนด้วยวาจา เพื่อประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และร่วมกันชุมนุม ฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน กรณีระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 - 20 พฤษภาคม 2553 กลุ่ม นปช.ชุมนุมกดดันรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้ยุบสภา โดยวันนี้อัยการโจทก์ จำเลยทั้ง 24 คน และทนายความเดินทางมาศาลพร้อมร่วมกระบวนพิจารณาคดี

พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.น.1 พยานโจทก์ปากที่ 3 ได้เดินทางมาเพื่อตอบการซักค้านของทนายจำเลย หลังจากที่ก่อนหน้านี้อัยการโจทก์ได้ชักถามพยานดังกล่าวแล้ว โดย พ.ต.อ.คณิศร์ชัยเบิกความสรุปว่าวันที่ 3-6 เมษายน 2553 ตนได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ดูแลเรื่องการข่าว การชุมนุมของ นปช.โดยตนทราบว่าการชุมนมของ นปช.นั้นเป็นการชุมนุมกดดันรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นให้ยุบสภา ตนได้ประจำพื้นที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และมีเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบแฝงตัวไปในการชุมนุมด้วย

ต่อมาวันที่ 7 เมษายน 2553 ตนได้ไปประจำจุดที่อาคารรัฐสภา อยู่บริเวณประตูหน้าทางเข้า พร้อมตรวจสอบเข้มงวดคนที่เข้าออกบริเวณรัฐสภา ในวันนั้นมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี อยู่ที่รัฐสภาพร้อมกับผู้อารักขา กระทั่งวันที่ 10 เมษายน 2553 ทราบว่าเจ้าหน้าที่ทหารได้ทำการขอคืนพื้นที่จากกลุ่ม นปช.จริง โดยมีการถืออาวุธสงครามประจำกายมาด้วย และมีการปะทะกัน ซึ่งตนได้อยู่ประจำอยู่ที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ใกล้ สน.นางเลิ้ง แต่ตนไม่ทราบว่ามีการปะทะกันอย่างไรเพราะฟังจากผู้ใต้บังคับบัญชารายงานมา ต่อมาวันที่ 11 เมษายน 2553 ตนได้รับมอบหมายให้ไปให้การต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ในการกล่าวหาแกนนำ นปช.กับพวก และภายหลังเบิกความตอบการซักค้านในช่วงบ่ายเสร็จ ศาลนัดสืบพยานโจทก์อีกครั้งในวันที่ 3 ก.ย.เวลา 10.00 น.

ทั้งนี้ ภายหลังการสืบพยานนายณัฐวุฒิให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์ว่า เรื่องสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องให้ข้อมูลและความคืบหน้าการติดตามจับกุมตัวคนร้าย โดยจะต้องทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอคติ หรือไม่ตั้งธงล่วงหน้า เรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลโดยตรง ดังนั้นควรจะเป็นที่พึ่งของประชาชนในเรื่องความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนทุกฝ่าย ไม่ใช่พยายามเชื่อมโยงพาดพิงไปถึงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยที่ยังไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน การกระทำเช่นนั้นจะสร้างความแตกร้าว เพิ่มความตึงเครียดให้กับสถานการณ์ในสังคมมากยิ่งขึ้น

“รัฐบาลควรจะพูดความจริงกับประชาชน แม้จะเข้าใจได้ว่าในช่วงเวลาของการสืบสวนสอบสวนจะพูดความจริงได้ไม่หมด แต่ความจริงที่ออกจากรัฐบาลควรจะประกอบด้วยหลักฐาน” นายณัฐวุฒิกล่าว

เมื่อถามถึงคนโพสต์เฟซบุ๊กแจ้งเตือนล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุรุนแรงระหว่างวันที่ 14-18 สิงหาคมที่ผ่านมาได้เข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เท่าที่ติดตามข่าวเข้าใจว่าเป็นการโพสต์โดยเอาข้อความมาจากเว็บเพจอื่น แล้วตัวคนโพสต์ข้อความมีลักษณะบุคลิกเฉพาะตัว เห็นว่าอาจจะไม่เชื่อมโยงกับขบวนการที่สร้างความรุนแรง แต่อาจจะเป็นคนที่มีวิธีคิดเฉพาะตัว เจ้าหน้าที่คงจะสัมผัสได้ เรื่องแบบนี้ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้ชัด เพราะสถานการณ์แบบนี้ถ้าหากมันคลุมเครือให้ประชาชนไปตีความกันเองก็จะมีแต่ความวุ่นวาย ตนพยายามสื่อสารไปยังฝ่ายต่างๆ ว่านี่คือภัยคุกคามของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าจะฝ่ายไหนสีอะไร เดินถนนเดินบนสะพานมีโอกาสเป็นผู้เคราะห์ร้ายบาดเจ็บล้มตายได้หมด ดังนั้นความแตกต่างทางการเมืองต้องวางเอาไว้ก่อน ให้เจ้าหน้าที่ไปจับกุมตัวทั้งคนลงมือ คนอยู่เบื้องหลังให้ได้ มีหลักฐานชัดก็เอาให้ถึงที่สุด

ส่วนเรื่องรางวัลนำจับที่นายสมหวัง อัสราษี อดีตผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แกนนำ นปช.เสนอเงินช่วยรางวัลนำจับเพิ่มอีก 2 ล้านบาทนั้น เห็นว่านายสมหวังมีกำลังที่จะช่วยได้ ถ้าได้ตัวคนก่อเหตุจริงนายสมหวังก็พร้อมจ่ายในฐานะคนไทยคนหนึ่ง โดยเงินที่ใช้เป็นเงินส่วนตัว

“ขณะนี้ผู้ที่ให้ข้อมูลข่าวสารควรเป็นฝ่ายรัฐเป็นด้านหลัก และฝ่ายรัฐควรทำหน้าที่อย่างไม่มีอคติ ตั้งธงล่วงหน้าเรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลโดยตรง ไม่เห็นด้วยกับการพยายามพาดพิงไปฝ่ายใดก็ตาม ทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน ถ้าคิดจะกล่าวหากันทุกฝ่ายก็กล่าวหากันได้หมด รัฐบาลควรพูดความจริงกับประชาชนที่ประกอบด้วยพยานหลักฐาน” นายณัฐวุฒิกล่าว























 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น