“จตุพร-ณัฐวุฒิ-ก่อแก้ว-จักรภพ” แกนนำ นปช.วอนรัฐบาลอย่าชี้นำ โยง “คนเสื้อแดง- ทักษิณ” เอาเรื่องการเมืองมาละเลงใส่บ้านเมืองทำประเทศเสียหาย วอนตรวจสอบสาเหตุบึ้มแท้จริงก่อน จี้นายกฯ เตือน “ไก่อู” อย่าพุ่งเป้ามาที่ฝ่ายตรงข้าม ชี้เป็นวิธีการที่กระจอกงอกง่อย ร่วมประณามคนก่อเหตุบึ้มราชประสงค์ เป็นกระทำที่อำมหิต
วันนี้ (18 ส.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวผ่านรายการมองไกล ออกอากาศผ่านทางยูทิวบ์ ถึงกรณีคนร้ายก่อเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีคนไทยและชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากว่า จากการที่มีความพยายามโยงมาให้เป็นเรื่องการเมือง ขอยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับ นปช. ตนรู้สึกเสียใจ และขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว เพราะไม่สร้างประโยชน์กับใคร แต่สร้างความหายนะให้กับคนไทยทั้งประเทศ ถึงแม้ที่ผ่านมา นปช.จะเคยใช้พื้นที่ราชประสงค์ในการชุมนุมเรียกร้อง แต่ขออย่าเชื่อมโยง
โดยเฉพาะ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวหาว่าคนร้ายที่ก่อเหตุมีแนวโน้มน่าจะเป็นผู้ที่เสียประโยชน์กลุ่มเดิมๆ ที่ต้องการสร้างความวุ่นวายในประเทศ ไม่ต้องการให้ประเทศไม่มีความสุขนั้น ตนรู้สึกสมเพช พล.ต.สรรเสริญ ที่ออกมาระบุเช่นนั้น รัฐบาลควรทำงานอย่างมืออาชีพ ต้องทำการสืบสวนสอบสวนก่อนมีการให้ข่าว และต้องให้ข่าวอย่างระมัดระวัง แต่ พล.ต.สรรเสริญ กลับใช้สัญชาติญาณในการให้ข่าว เล่นการเมืองไม่เลิก และใช้เรื่องน้ำเน่าแบบเดิมๆ ไม่แยกแยะถือว่าใช้ไม่ได้ เรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องบ้านเมือง ไม่ใช่การเมือง
“ขอเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ในฐานะผู้บังคับบัญชา พล.ต.สรรเสริญ ควรว่ากล่าวตักเตือน เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงไม่มีความคิดไปแย่งชิงอำนาจ และไม่ได้กลัว แต่ต้องการให้บรรยากาศบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่เหตุการณ์นี้เป็นการใช้การเมือง หนักกว่านักการเมืองเสียอีก การให้โฆษกรัฐบาลออกมาให้ข่าว หลังเสียงระเบิดเกิดขึ้นยังไม่ได้มีการตรวจสอบอะไรเลย แต่รีบไปโยนระเบิดใส่อีกฝ่ายหนึ่งในทันที เป็นการเอาการเมืองมาละเลงในบ้านเมือง”
นายจตุพรกล่าวว่า การเชื่อมโยงโดยพุ่งเป้ามาที่ฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลนั้น เป็นวิธีการที่กระจอกงอกง่อย ไร้ซึ่งวุฒิภาวะ ไม่ได้มีการสอบสวนใดๆ แต่มากล่าวหาใส่เลย เรื่องนี้เคยเห็นกันมานับไม่ถ้วน คล้ายวิธีที่เคยเกิดขึ้นว่าอ้างจากเฟซบุ๊กว่าเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง เป็นวิชาเดียวกับที่เคยเกิดขึ้น ไม่ได้มีอะไรแตกต่างเลย
“ถามว่าใครได้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ เสียงระเบิดยิ่งจะมีปัญหากับประเทศไทย และยิ่งทำให้ประชาธิปไตยมันห่างไกลมากยิ่งขึ้น เพียงแค่อาศัยห้วงเวลาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดที่ประเทศฟินแลนด์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ลืมไปว่าทุกฝ่ายในประเทศไทยต่างวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทั้งสิ้น ดังนั้น การโยนระเบิดใส่ทางคนเสื้อแดงหรือจะเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณต่างๆ นั้น เป็นวิธีการเดิมๆ ที่ไม่เคยเปลี่ยน เมื่อมีการมาโยนใส่กันแบบนี้เราก็ก็ยิ่งเกิดความสงสัยมากกว่าปกติอยู่แล้ว มันผิดวิสัย เพราะว่าสิ่งที่เร็วกว่าภาพในโซเชียลคือปากคนในกลไกรัฐนี้ที่โยนข้อกล่าวหามาเลย เรียกว่าเป็นปลาหมอตายเพราะปาก และปล่อยไก่ตัวใหญ่ออกมา ทำให้คนดูเป็นระเบิดทางการเมือง ซึ่งคนที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่อดีตนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 คน และคนในซีกนี้เลย คนที่ได้ประโยชน์ทางการเมืองคือคนที่กล่าวหาคนอื่นเขา แต่คนที่เสียมากที่สุดคือประเทศไทยและคนไทย”
นายจตุพรกล่าวอีกว่า นอกจากนี้กรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ออกมาระบุว่า ร่างรัฐธรรมนูญไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว และเตรียมส่งไปยังสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ให้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ก.ย.นี้ เพื่อเปิดทางทำประชามติ ตนเห็นว่าเรื่องดังกล่าวถือว่าไม่เป็นไร เพราะส่วนตัวเตรียมคว่ำร่างรัฐธรรมนูญตามมติเดิมอยู่แล้ว
วันเดียวกัน เฟซบุ๊กของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. โพสต์ข้อความระบุว่า เมื่อคืนใช้เวลาหลายชั่วโมงติดตามสถานการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์ เช้ามาก็ตามข่าวต่อเนื่อง ไม่นึกว่าความรุนแรงขนาดนี้จะเกิดขึ้นในประเทศไทย ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อผู้เสียชีวิตและส่งกำลังใจพร้อมความความห่วงใยไปยังผู้บาดเจ็บตลอดจนญาติมิตรของผู้เคราะห์ร้ายทุกท่าน และขอประณามใครหรือขบวนการใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว
เหตุการณ์นี้คือภัยคุกคามต่อคนไทยทั้งประเทศ จำเป็นที่สุดที่รัฐต้องเป็นที่พึ่งด้านความปลอดภัยและให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับประชาชนพร้อมทั้งสร้างบรรยากาศความสามัคคีเพื่อเราจะผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน
ทั้งที่หน่วยข่าวของรัฐไม่สามารถป้องกันเหตุร้ายนี้ได้ แต่หลังเกิดเหตุเพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมงกระบอกเสียงของรัฐบาลกลับพูดชี้นำสังคมให้เข้าใจไปว่าเป็นการลงมือของบางฝ่ายโดยเจ้าหน้าที่ยังเก็บหลักฐานอยู่ในที่เกิดเหตุและยังไม่มีข้อสรุปแต่อย่างใด ปรากฏการณ์แบบนี้นอกจากกระทบต่อความน่าเชื่อถือของหน่วยงานรัฐแล้ว ยังสร้างความรู้สึกไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันในหมู่ประชาชน มีการกล่าวหากันไปมาซึ่งไม่ส่งผลดีในภาพรวมแต่อย่างใด
“แน่นอนว่าคนทั้งประเทศอยากรู้ความจริงโดยเร็วว่าคนอำมหิตพวกไหนเป็นคนลงมือ แต่ความจริงต้องประกอบด้วยหลักฐานที่มีน้ำหนักเชื่อถือได้ ผมมั่นใจว่าคนไทยทุกฝ่ายพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐในสถานการณ์นี้ ไม่มีใครต้องการความรุนแรงและผู้ก่อเหตุต้องรับโทษตามกฎหมาย”
เฟซบุ๊กส่วนตัว นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช. แสดงความคิดเห็นว่า “เหตุระเบิดครั้งนี้ ผมไม่เชื่อว่า นปช. หรือ กปปส. หรือคุณทักษิณ หรือคุณสุเทพ จะเกี่ยวข้อง เพราะไม่ว่าจะวิเคราะห์หาเหตุผลมาประกอบใดๆ ก็ยังไม่สมเหตุสมผลทั้งสิ้น และถ้าใครก่อเหตุเรื่องนี้ก็จะสูญเสียมวลชนที่เคยสนับสนุนจำนวนมาก เหตุผลเช่น นปช. ประกาศอยู่นิ่ง นั่งบนภูดูเสือกัดกัน ไม่เคลื่อนไหวใดๆ มีแต่ทักท้วงกรณีรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยหรือเกิดเหตุความอยุติธรรม และ นปช.ยืนหยัดในแนวทางสันติวิธีเท่านั้น กปปส.มีจุดยืนสนับสนุน คสช.อยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลในการก่อเหตุ คุณทักษิณ ประกาศให้โอกาส คสช.ทำงานเต็มที่ แถมที่ผ่านมาได้ขอความร่วมมือจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย และ นปช.อีกด้วย
ส่วนกรณีที่มีบางคนกล่าวหาว่าคุณทักษิณน่าจะเกี่ยวข้อง อันเป็นผลมาจากการถูกถอดถอนยศนั้น ผมมองว่าคนที่วิเคราะห์แบบนั้น น่าจะเป็นคนที่เรียนสูงแต่ปัญญาต่ำ เพราะการที่คนไทยจำนวนมากชื่นชอบคุณทักษิณนั้น ไม่ได้ชื่นชอบที่คุณทักษิณเป็นตำรวจยศ พ.ต.ท. แต่ชื่นชอบเพราะเป็นนักการเมืองที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติและสามารถบริหารขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าได้อย่างไม่อายประเทศใด ถึงแม้คุณทักษิณจะไม่มียศใดๆ คนที่ชื่นชอบก็ยังชื่นชมและนับถือคุณทักษิณวันยังค่ำ แม้กระทั่งนายทหาร นายตำรวจ ยศพลเอก พลตำรวจเอกจำนวนมากยังชื่นชอบ ดังนั้นการเชื่อมโยงว่าคุณทักษิณโกรธแค้นจากการถูกถอดยศจึงเป็นเรื่องไร้สาระมากๆ ครับ”
นายจักรภพ เพ็ญแข ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โพสต์เพจเฟซบุ๊กเช่นกันว่า “ผมรู้สึกตกใจและเศร้าใจอย่างพูดแทบไม่ออก เมื่อเห็นภาพผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากมายจากการกระทำอันเลวร้ายป่าเถื่อนของใครก็ตามที่ก่อเหตุระเบิดกลางกรุงเทพมหานครเมื่อเวลาประมาณหนึ่งทุ่มวันนี้ ภาพเยี่ยงนี้อาจจะเจนตาสำหรับสถานการณ์ในอิรัก ตุรกี ซีเรีย และพื้นที่แห่งปัญหาอื่นๆ ของโลก แต่ไม่ใช่กรุงเทพมหานครของเราแน่ แต่เมื่อความเป็นจริงได้ทำลายฝันนั้นอย่างยับเยินเสียแล้ว ผมต้องขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมายังผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และครอบครัวอันเป็นที่รักของท่านเหล่านี้ การสอบสวนหาความจริงว่าใครอยู่เบื้องหลังขณะนี้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และพวกเราจะให้ความช่วยเหลือในทุกๆ ทางที่เราทำได้เพื่อให้ความจริงปรากฏขึ้นในไม่ช้า
คำถามในขั้นต้นนี้คือ : ๑. ใครในเมืองไทยที่มีอำนาจควบคุมดูแลระเบิดที่มีอำนาจทำลายล้างรุนแรงขนาดนี้ ๒. เชื่อว่าระเบิดนี้ผูกติดอยู่กับเสาของศาลพระพรหมเอราวัณ ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่มีผู้ว่าจ้างให้ชายคนหนึ่งเข้าไปทำลายรูปพระพรหมจนเสียหายในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย น่าสงสัยหรือไม่ว่าใครก็ตามที่มีอำนาจเกี่ยวข้องกับศาลนี้จะรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำในครั้งนี้ ๓. เหตุการณ์เช่นนี้อาจทำให้การกลับคืนสู่ประชาธิปไตยล่าช้าออกไปอีก ใครได้รับประโยชน์ อย่างไรก็ตาม หัวใจของเราในคืนนี้อยู่ที่ประชาชนบริสุทธิ์ที่ต้องสูญเสียชีวิตและสวัสดิภาพไป เราส่งใจและเสียงสวดมนต์ไปยังท่านเหล่านี้ทุกๆ ท่าน ขอให้ท่านไปสู่สัมปรายภพเทอญ”