(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Consensus believes China’s GDP to grow 6.8%
By Asia Unhedged
14/10/2015
อัตราเติบโตของจีดีพีประจำไตรมาส 3 ปีนี้ ได้รับการพยากรณ์ว่าจะอยู่ที่ 6.8% ทั้งนี้เป็นผลโพลซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์สอบถามจากนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 50 คน
ขณะนี้พวกนักเศรษฐศาสตร์และผู้รู้ทั้งหลายต่างแสดงการคาดหมายอย่างเป็นทางการกันแล้วว่า จีนซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก จะเติบโตขยายตัวได้ไม่ถึง 7%
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 3 (ก.ค.-ก.ย.) ปีนี้ของแดนมังกร เวลานี้ได้รับการพยากรณ์ว่าจะเติบโตขยายตัวในอัตรา 6.8% ต่ำลงมาจากที่ทำได้ 7% ในไตรมาส 2 ทั้งนี้ตามการการสอบถามความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 50 คนของสำนักข่าวรอยเตอร์ (ดูรายละเอียดข่าวนี้ที่ http://www.reuters.com/article/2015/10/14/us-china-economy-gdp-idUSKCN0S80I520151014) ตัวเลขทำนายสูงสุดในโพลนี้อยู่ที่ 7.2% ส่วนตัวเลขทำนายต่ำสุดอยู่ที่ 6.4% ดังนั้นเมื่อมันออกมาจริงๆ ก็อาจจะสูงกว่าตัวเลขเฉลี่ยในโพลของรอยเตอร์นี้ก็ได้ แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ก็จะเป็นครั้งแรกที่อัตราเติบโตของจีดีพีแดนมังกรต่ำกว่าระดับ 7% นับตั้งแต่วิกฤตภาคการเงิน (หรือที่ในเมืองไทยบางทีก็นิยมเรียกว่า “วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์” ปี 2008-09 –ผู้แปล) เป็นต้นมา
และถึงแม้จีนได้ตัดลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาถึง 5 ครั้งแล้วนับจากเดือนพฤศจิกายน แต่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากยังคงคาดหมายว่าจะมีการปรับลดอีกรอบหนึ่งก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่เอเชียอันเฮดจ์เรียกร้องมาโดยตลอดทั้งปีทีเดียว
จีนเองได้ตั้งเป้าหมายอัตราเติบโตของจีดีพีอย่างเป็นทางการเอาไว้ที่ “ราวๆ 7%” สำหรับตลอดทั้งปี 2015 ซึ่งถือเป็นเป้าหมายต่ำที่สุดในรอบ 11 ปี
มีนักลงทุนบางคนหวั่นกลัวว่าระดับอัตราเติบโตในปัจจุบัน แท้จริงแล้วอาจจะอ่อนปวกเปียกยิ่งกว่าที่ตัวเลขของทางการระบุไว้เสียอีก ทว่าในอีกด้านหนึ่ง ก็มีนักเศรษฐศาสตร์บางรายตอบโต้ทัศนะดังกล่าว และเชื่อว่าการรบริโภคตลอดจนอัตราเติบโตของภาคบริการกำลังขยายตัวได้ในอัตราสูงกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ด้วยซ้ำ
ผลโพลคราวนี้ออกมาในช่วงเดียวกับที่มีการเผยแพร่รายงานตัวเลขข้อมูลเศรษฐกิจหลายต่อหลายตัว โดยเมื่อวันพุธ (14 ต.ค.) รัฐบาลจีนแถลงว่า อัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคประจำเดือนกันยายน ลดต่ำลงกว่าที่คาดหมายกัน ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิตก็ยังคงไหลรูดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 43
นอกจากนั้น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ไหลรูด และดีมานด์ความต้องการภายในประเทศที่อ่อนตัว ได้ส่งผลให้ตัวเลขการนำเข้าในเดือนกันยายนของจีนตกฮวบลงมา 20% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน และถือเป็นการทรุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 แล้ว โดยแย่กว่าระดับลบ 13.8% ในเดือนสิงหาคม และต่ำกว่าระดับที่พยากรณ์กันซึ่งอยู่ที่ ลบ 15%
จุดเล็กๆ จุดหนึ่งที่ยังพอจะสดใส ก็คือ การส่งออกของจีนในเดือนกันยายนลดลงเพียง 3.7% ซึ่งทั้งดีกว่าตัวเลขลบ 6.3% ที่คาดการณ์กันไว้ในผลสำรวจพวกนักเศรษฐศาสตร์คราวหนึ่งของรอยเตอร์ รวมทั้งดีกว่าตัวเลขต่ำลง 5.5% ของเดือนสิงหาคม
(จากคอลัมน์ Asia Unhedged ในเอเชียไทมส์)
Consensus believes China’s GDP to grow 6.8%
By Asia Unhedged
14/10/2015
อัตราเติบโตของจีดีพีประจำไตรมาส 3 ปีนี้ ได้รับการพยากรณ์ว่าจะอยู่ที่ 6.8% ทั้งนี้เป็นผลโพลซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์สอบถามจากนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 50 คน
ขณะนี้พวกนักเศรษฐศาสตร์และผู้รู้ทั้งหลายต่างแสดงการคาดหมายอย่างเป็นทางการกันแล้วว่า จีนซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก จะเติบโตขยายตัวได้ไม่ถึง 7%
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 3 (ก.ค.-ก.ย.) ปีนี้ของแดนมังกร เวลานี้ได้รับการพยากรณ์ว่าจะเติบโตขยายตัวในอัตรา 6.8% ต่ำลงมาจากที่ทำได้ 7% ในไตรมาส 2 ทั้งนี้ตามการการสอบถามความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 50 คนของสำนักข่าวรอยเตอร์ (ดูรายละเอียดข่าวนี้ที่ http://www.reuters.com/article/2015/10/14/us-china-economy-gdp-idUSKCN0S80I520151014) ตัวเลขทำนายสูงสุดในโพลนี้อยู่ที่ 7.2% ส่วนตัวเลขทำนายต่ำสุดอยู่ที่ 6.4% ดังนั้นเมื่อมันออกมาจริงๆ ก็อาจจะสูงกว่าตัวเลขเฉลี่ยในโพลของรอยเตอร์นี้ก็ได้ แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ก็จะเป็นครั้งแรกที่อัตราเติบโตของจีดีพีแดนมังกรต่ำกว่าระดับ 7% นับตั้งแต่วิกฤตภาคการเงิน (หรือที่ในเมืองไทยบางทีก็นิยมเรียกว่า “วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์” ปี 2008-09 –ผู้แปล) เป็นต้นมา
และถึงแม้จีนได้ตัดลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาถึง 5 ครั้งแล้วนับจากเดือนพฤศจิกายน แต่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากยังคงคาดหมายว่าจะมีการปรับลดอีกรอบหนึ่งก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่เอเชียอันเฮดจ์เรียกร้องมาโดยตลอดทั้งปีทีเดียว
จีนเองได้ตั้งเป้าหมายอัตราเติบโตของจีดีพีอย่างเป็นทางการเอาไว้ที่ “ราวๆ 7%” สำหรับตลอดทั้งปี 2015 ซึ่งถือเป็นเป้าหมายต่ำที่สุดในรอบ 11 ปี
มีนักลงทุนบางคนหวั่นกลัวว่าระดับอัตราเติบโตในปัจจุบัน แท้จริงแล้วอาจจะอ่อนปวกเปียกยิ่งกว่าที่ตัวเลขของทางการระบุไว้เสียอีก ทว่าในอีกด้านหนึ่ง ก็มีนักเศรษฐศาสตร์บางรายตอบโต้ทัศนะดังกล่าว และเชื่อว่าการรบริโภคตลอดจนอัตราเติบโตของภาคบริการกำลังขยายตัวได้ในอัตราสูงกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ด้วยซ้ำ
ผลโพลคราวนี้ออกมาในช่วงเดียวกับที่มีการเผยแพร่รายงานตัวเลขข้อมูลเศรษฐกิจหลายต่อหลายตัว โดยเมื่อวันพุธ (14 ต.ค.) รัฐบาลจีนแถลงว่า อัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคประจำเดือนกันยายน ลดต่ำลงกว่าที่คาดหมายกัน ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิตก็ยังคงไหลรูดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 43
นอกจากนั้น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ไหลรูด และดีมานด์ความต้องการภายในประเทศที่อ่อนตัว ได้ส่งผลให้ตัวเลขการนำเข้าในเดือนกันยายนของจีนตกฮวบลงมา 20% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน และถือเป็นการทรุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 แล้ว โดยแย่กว่าระดับลบ 13.8% ในเดือนสิงหาคม และต่ำกว่าระดับที่พยากรณ์กันซึ่งอยู่ที่ ลบ 15%
จุดเล็กๆ จุดหนึ่งที่ยังพอจะสดใส ก็คือ การส่งออกของจีนในเดือนกันยายนลดลงเพียง 3.7% ซึ่งทั้งดีกว่าตัวเลขลบ 6.3% ที่คาดการณ์กันไว้ในผลสำรวจพวกนักเศรษฐศาสตร์คราวหนึ่งของรอยเตอร์ รวมทั้งดีกว่าตัวเลขต่ำลง 5.5% ของเดือนสิงหาคม
(จากคอลัมน์ Asia Unhedged ในเอเชียไทมส์)
