ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากตัวเลขจ้างงานออกมาซบเซา นอกจากนี้ ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของภาคบริการของสหรัฐ ยิ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้มีน้อยลง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 5 ต.ค. ในแดนบวก โดยดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 304.06 จุด หรือ 1.85% ปิดที่ 16,776.43 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 35.69 จุด หรือ 1.83% ปิดที่ 1,987.05 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 73.48 จุด หรือ 1.56% ปิดที่ 4,781.26 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เนื่องจากตลาดแรงงานยังคงอ่อนแอ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 200,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.1% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์
นอกจากนี้ ความอ่อนแอของข้อมูลภาคบริการซึ่งสหรัฐเปิดเผยล่าสุดนั้น ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้มีน้อยลง โดยสถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 56.9 ในเดือนก.ย. จากระดับ 59 ในเดือนส.ค. โดยตัวเลขเดือนก.ย.เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา หรือในรอบสามเดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงแตะที่ 57.5
ขณะที่มาร์กิต อิโคโนมิกส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 55.1 ในเดือนก.ย. ปรับตัวลดลงจากตัวเลขเบื้องต้นที่ 55.6 และลดลงจากระดับ 56.1 ในเดือนส.ค.
คริส วิลเลียมสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของมาร์กิตระบุในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอในไตรมาสสาม เมื่อพิจารณาจากผลสำรวจ PMI โดยลดลงมาขยายตัวที่ราว 2.2% อย่างไรก็ดี การชะลอตัวดังกล่าวนั้นมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่เศรษฐกิจดีดตัวแข็งแกร่งในไตรมาสสอง ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐกลับมาขยายตัวในระดับปานกลาง สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยในระยะยาว
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนส.ค., สินเชื่อผู้บริโภคเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 16-17 ก.ย. , ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. และต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนส.ค.
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากมุมมองที่ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ย.ที่ออกมาน่าผิดหวังนั้น อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ระดับ 1,137.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนมองว่า ข้อมูลจ้างงานที่ย่ำแย่อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐยังไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 46.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 1.12 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 49.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลง โดยเบเกอร์ฮิวจ์รายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลงอีก 26 แท่น เหลือ 614 แท่น ณ สิ้นสุดสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 แล้ว และหากรวมแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ ตัวเลขแท่นขุดเจาะลดลงทั้งสิ้น 29 แท่น มาอยู่ที่ 809 แท่น
ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ก.ย. ลดลง 40,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.096 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน WTI ยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 200,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.1% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์
อย่างไรก็ตาม แรงบวกได้ถูกสกัดลงเนื่องจากข่าวที่ว่าบริษัทซาอุดิ อาระเบียน ออย หรืออารัมโก ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของซาอุดิอาระเบีย ประกาศลดราคาน้ำมันดิบเกรดมีเดียมส่งมอบเดือนพ.ย.แก่ตลาดเอเชียเป็น 3.20 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มอบส่วนลดราคาน้ำมันส่งมอบเดือนต.ค.ที่ 1.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
ความเคลื่อนไหวดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อตัดราคาแข่งกับคู่แข่งรายอื่นๆ ท่ามกลางความต้องการน้ำมันดิบอันซบเซา อีกทั้งยังเป็นการปรับลดราคาที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2555
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 5 ต.ค. ในแดนบวก โดยดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 304.06 จุด หรือ 1.85% ปิดที่ 16,776.43 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 35.69 จุด หรือ 1.83% ปิดที่ 1,987.05 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 73.48 จุด หรือ 1.56% ปิดที่ 4,781.26 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เนื่องจากตลาดแรงงานยังคงอ่อนแอ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 200,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.1% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์
นอกจากนี้ ความอ่อนแอของข้อมูลภาคบริการซึ่งสหรัฐเปิดเผยล่าสุดนั้น ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้มีน้อยลง โดยสถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 56.9 ในเดือนก.ย. จากระดับ 59 ในเดือนส.ค. โดยตัวเลขเดือนก.ย.เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา หรือในรอบสามเดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงแตะที่ 57.5
ขณะที่มาร์กิต อิโคโนมิกส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 55.1 ในเดือนก.ย. ปรับตัวลดลงจากตัวเลขเบื้องต้นที่ 55.6 และลดลงจากระดับ 56.1 ในเดือนส.ค.
คริส วิลเลียมสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของมาร์กิตระบุในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอในไตรมาสสาม เมื่อพิจารณาจากผลสำรวจ PMI โดยลดลงมาขยายตัวที่ราว 2.2% อย่างไรก็ดี การชะลอตัวดังกล่าวนั้นมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่เศรษฐกิจดีดตัวแข็งแกร่งในไตรมาสสอง ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐกลับมาขยายตัวในระดับปานกลาง สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยในระยะยาว
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนส.ค., สินเชื่อผู้บริโภคเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 16-17 ก.ย. , ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. และต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนส.ค.
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากมุมมองที่ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ย.ที่ออกมาน่าผิดหวังนั้น อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ระดับ 1,137.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนมองว่า ข้อมูลจ้างงานที่ย่ำแย่อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐยังไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 46.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 1.12 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 49.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลง โดยเบเกอร์ฮิวจ์รายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลงอีก 26 แท่น เหลือ 614 แท่น ณ สิ้นสุดสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 แล้ว และหากรวมแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ ตัวเลขแท่นขุดเจาะลดลงทั้งสิ้น 29 แท่น มาอยู่ที่ 809 แท่น
ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ก.ย. ลดลง 40,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.096 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน WTI ยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 200,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.1% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์
อย่างไรก็ตาม แรงบวกได้ถูกสกัดลงเนื่องจากข่าวที่ว่าบริษัทซาอุดิ อาระเบียน ออย หรืออารัมโก ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของซาอุดิอาระเบีย ประกาศลดราคาน้ำมันดิบเกรดมีเดียมส่งมอบเดือนพ.ย.แก่ตลาดเอเชียเป็น 3.20 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มอบส่วนลดราคาน้ำมันส่งมอบเดือนต.ค.ที่ 1.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
ความเคลื่อนไหวดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อตัดราคาแข่งกับคู่แข่งรายอื่นๆ ท่ามกลางความต้องการน้ำมันดิบอันซบเซา อีกทั้งยังเป็นการปรับลดราคาที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2555