รอยเตอร์ - สหรัฐฯ และญี่ปุ่นมีคำแถลงร่วมวานนี้ (7 มิ.ย.) เกี่ยวกับความสำเร็จในการยิงทดสอบขีปนาวุธ สแตนดาร์ด มิสไซล์-3 (SM-3) รุ่น IIA ของบริษัทเรย์ธีออน ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาอาวุธร่วมระหว่างทั้ง 2 ประเทศที่ใช้งบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ริค เลห์เนอร์ โฆษกสำนักงานป้องกันขีปนาวุธสหรัฐฯ (MDA) ระบุว่า การยิงทดสอบขีปนาวุธจริงที่ พอยต์ มูกู ซี เรนจ์ นอกชายฝั่งรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันเสาร์ (6) ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
เลห์เนอร์ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ทุ่มงบประมาณราว 2,000 ล้านดอลลาร์ให้กับโครงการพัฒนาขีปนาวุธรุ่นนี้ ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นร่วมสนับสนุนเงินทุนอีกราว 1,000 ล้านดอลลาร์
SM-3 IIA ซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 21 นิ้วถูกพัฒนาต่อยอดมาจากขีปนาวุธ SM-3 รุ่นเดิม ซึ่งใช้งานในระบบป้องกัน-โจมตีแบบเอจิสที่บริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน คอร์ป เป็นผู้พัฒนา
ริกี เอลลิสัน หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรสนับสนุนการป้องกันขีปนาวุธ (Missile Defense Advocacy Alliance) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร ชี้ว่า “นี่เป็นกรณีที่ดีเยี่ยมที่สุดที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้สนับสนุนเงินทุนและความรู้ด้านวิศวกรรมร่วมกับประเทศพันธมิตร เพื่อพัฒนาระบบอาวุธรุ่นใหม่ที่จะช่วยยกระดับความมั่นคงของทั้ง 2 ชาติ”
เรย์ธีออน แถลงว่า ขีปนาวุธ SM-3 IIA ติดตั้งมอเตอร์จรวดขนาดใหญ่ขึ้น และมีศักยภาพสูงกว่าในการทำลายขีปนาวุธอื่น ซึ่งจะช่วยป้องกันภัยคุกคามจากขีปนาวุธพิสัยใกล้และกลางได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิม และยังปกป้องพื้นที่ได้กว้างขวางยิ่งขึ้นด้วย
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และพนักงานของเรย์ธีออน ระบุว่า การยิงทดสอบเมื่อวันเสาร์ (6) มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินการทำงานของส่วนปลายแหลมด้านหน้าของจรวด (nosecone) ระบบควบคุมวิถี การแยกตัวของบูสเตอร์ และการทำงานของขีปนาวุธในขั้นที่ 2 และ 3 โดยไม่ได้กำหนดให้มีการยิงสกัดหรือปล่อยขีปนาวุธเป้าหมายแต่อย่างใด
“ความสำเร็จครั้งนี้คงจะทำให้ขีปนาวุธ SM-3 IIA สามารถนำไปใช้งานจริงทั้งในทะเลและภาคพื้นดินได้ภายในปี 2018” เทย์เลอร์ ลอว์เรนซ์ ประธานฝ่ายธุรกิจระบบขีปนาวุธของ เรย์ธีออน เผย
เอลลิสัน ชี้ว่า สหรัฐฯ มีแผนที่จะทดสอบขีปนาวุธรุ่นนี้อีกเป็นเวลา 3 ปี ก่อนนำไปติดตั้งบนเรือรบเอจิสของกองทัพเรืออเมริกัน เรือรบคอนโกของญี่ปุ่น และระบบเอจิสภาคพื้นดินในโปแลนด์และโรมาเนีย