รอยเตอร์ – กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่นได้รับมอบ "เรืออิซุโมะ" เรือรบญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ที่ใหญ่พอๆ กับเรือบรรทุกเครื่องบินที่กองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นใช้ต่อสู้กับสหรัฐฯ ในมหาสมุทรแปซิฟิก
อิซุโมะ ซึ่งมีลูกเรือทั้งหมด 470 คน เป็นหนึ่งตัวอย่างที่แจ่มชัดมากว่า ญี่ปุ่นกำลังขยายศักยภาพทางทหารของตนสู่ปฏิบัติการโพ้นทะเลและเข้าประจำการอย่างไร ขณะที่นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ กำลังหาทางให้สมาชิกสภานิติบัญญัติเห็นชอบผ่อนปรนข้อจำกัดของรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพหลังสงครามของแดนอาทิตย์อุทัย
เรืออิซุโมะ ซึ่งมีความยาว 248 เมตรคล้ายคลึงกับเรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก ยูเอส มารีน คอร์ป ในเรื่องของขนาดและการออกแบบ แต่มันถูกออกแบบมาให้เป็นเรือพิฆาตบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ คุณสมบัติที่ทำให้ญี่ปุ่นยังอยู่ภายใต้ขอบเขตของข้อห้ามครอบครองอาวุธเพื่อก่อสงครามตามรัฐธรรมนูญ ขณะที่เรือบรรทุกเครื่องบินนั้นถูกพิจารณาว่าเป็นอาวุธโจมตี เนื่องจากความสามารถในการแสดงกำลังของมัน
“เรือลำนี้สามารถปฏิบัติงานได้ในหลายบทบาท รวมถึงปฏิบัติการรักษาสันติภาพ การช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัยระหว่างประเทศ” เก็น นาคาตานิ รัฐมนตรีกรัทรวงกลาโหมญี่ปุ่น กล่าวขณะยืนอยู่ข้างเรือลำนี้ ภายหลังพิธีรับมอบที่อู่เรือ Japan United Marine ในเมืองโยโกฮามา
“มันยังช่วยยกระดับความสามารถของเราในการต่อสู้กับเรือดำน้ำอีกด้วย”
ความเคลื่อนไหวของ อาเบะ ที่จะผ่อนปรนรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพของญี่ปุ่น และการก่อร่างสร้างตัวในด้านศักยภาพด้านความมั่นคงกำลังทำให้เพื่อนบ้านอย่างจีนเกิดความหวาดวิตก
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังเพิ่มศักยภาพด้านความมั่นคงของตนด้วยเครื่องบินตรวจการณ์ที่บินได้ไกลกว่าเดิมและเครื่องบินขนส่งทางทหาร และได้จัดซื้อเครื่องบินขับไล่ เอฟ-35 , พาหนะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกของบริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน และเครื่องบินลำเลียงทหาร ออสเปรย์ ของบริษัทโบอิง ซึ่งสามารถปฏิบัติการจากเรืออิซุโมะได้
เรืออิซุโมะไม่มีเครื่องดีดส่ง (catapult) ที่จำเป็นในการปล่อยเครื่องบินปีกคงที่ (fixed-wing) แต่เครื่องบิน F-35 รุ่นขึ้นลงแนวดิ่ง (VTOL) สามารถบินจากดาดฟ้าของเรืออิซุมุได้
เรืออิซุโมะ ซึ่งประจำการอยู่ที่ฐานทัพเรือโยโกสุกะ จะเข้าร่วมกับเรือบรรทุกเครื่องเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กกว่า 2 ลำที่ประจำการอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งต่างถูกจัดชั้นเป็นเรือพิฆาตเช่นกัน