เอเอฟพี - ปริมาณสารเสพติดเมทแอมเฟตามีนที่ยึดได้ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าในช่วง 5 ปี องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุในวันนี้ (26 พ.ค.) โดยอ้างว่าความมั่งคั่งที่เพิ่มมากขึ้นเป็นสาเหตุหนึ่งสำหรับการผลิตและการบริโภคที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
การบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ที่กำลังเติบโตก็กำลังเปิดทางให้เครือข่ายอาชญากรรมข้ามพรมแดนต่างๆ สามารถร่วมมือกันปล่อยขายสารกระตุ้นประเภทแอมเฟตามีน และสารที่เรียกกันว่า “ลีกัล ไฮ” (legal high) ด้วยเช่นกัน สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNDOC) ระบุในรายงาน
งานศึกษาชิ้นนี้ซึ่งถูกเผยแพร่ออกมาในกรุงเทพ ครอบคลุมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, เอเชียตะวันออก และโอเชียเนีย แต่ไม่รวมเอเชียใต้
ระหว่างปี 2008-2013 ปริมาณเมทแอมเฟตามีนที่ยึดได้ในภูมิภาคพุ่งขึ้นเกือบ 4 เท่าจาก 11 เมตริกตันเป็น 42 เมตริกตัน โดยตัวเลขที่พุ่งขึ้นนี้หลักๆ แล้วเป็นผลมาจากการผลิตเมทแอมเฟตามีนชนิดเม็ดหรือ “ยาบ้า” ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมทแอมเฟตามีการผลิตออกมาใน 2 รูปแบบหลักๆ คือ แบบเป็นผงผลึกที่รู้จักกันในชื่อ “ยาไอซ์” หรือคริสตัลเมท (crystal meth) ซึ่งมีฤทธิ์รุนแรง และแบบเม็ด “ยาบ้า” ที่มักมีความบริสุทธิ์น้อยกว่า
ระหว่างปี 2008-2013 ปริมาณยาไอซ์ที่ยึดได้เพิ่มขึ้น 2 เท่าจาก 7 ตันเป็นราว 14 ตัน แต่จำนวนยาบ้าที่ยึดได้เพิ่มขึ้น 8 เท่า จาก 30 ล้านเม็ดในปี 2008 เป็นกว่า 250 ล้านเม็ดในปี 2013
ยาบ้าซึ่งเป็นที่นิยมกันมานานในกลุ่มประเทศแถบภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง อันได้แก่ กัมพูชา, พม่า, ไทย, เวียดนาม โดยเฉพาะในหมู่คนทำงานเป็นเวลาหลายชั่วโมงอย่างคนขับรถบรรทุก ขณะนี้กำลังเสาะหากลุ่มลูกค้าใหม่ในประเทศที่ร่ำรวยกว่าอย่างเกาหลีใต้, มาเลเซีย และสิงคโปร์ UNODC ระบุ
“การยึดสารเสพติดได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนี้ส่วนหนึ่งของเป็นผลมาจากมาตรการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ” งานศึกษาระบุ
แต่กระนั้น การเพิ่มขึ้นนี้ “ก็บ่งชี้ถึงการผลิตที่กำลังขยายตัวและการลักลอบขนส่งไปยังและผ่านภูมิภาคนี้ที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ตลาดยาเสพติดที่ผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีทางเคมี (synthetic drug) กำลังมีการเชื่อมต่อกับภูมิภาคอื่นๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
