สแตนชาร์ดเปิดตัวรุกไซส์กลาง-รองรับเออีซี-ชูเครือข่ายครอบคลุม

สแตนชาร์ดเปิดสายงานกลุ่มลูกค้าพาณิชย์หรือบริษัทขนาดกลางที่มีแนวโน้มขยายลงทุนนอกมากขึ้น ชูมีเครือข่ายครอบคลุม พร้อมควบบริหารเงินส่วนบุคคล ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าอีก 50 รายในปีนี้ และมีสัดส่วนรายได้เพิ่มจาก 5%เป็น 20% ใน 5 ปี

นางลิน ค็อก กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประจำประเทศไทยและลุ่มแม่น้ำโขง ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กล่าวว่า สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ได้เปิดสายงานกลุ่มลูกค้าพาณิชย์ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าในขนาดกลางที่อยู่ในช่วงสำคัญของการเปลี่ยนผ่านในการเติบโต จากธุรกิจขนาดเล็กไปสู่บริษัทขนาดใหญ่ รวมถึงการเข้าสู่ AEC ในปลายปีนี้ จะเปิดประตูสู่โอกาสทางการค้าข้ามพรมแดนมากขึ้น และจะช่วยให้บริษัทขนาดกลางในประเทศไทยเข้าสู่ตลาดอื่นๆ ในอาเซียนมากขึ้น

นายอชิช ชาร์มา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานลูกค้าพาณิชย์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า ธนาคารกำหนดรายได้ของบริษัทขนาดกลางไว้ระหว่าง 400-1,500 ล้านบาท ซึ่งจากการสำรวจแล้วพบว่า บริการที่ผู้ประกอบการต้องการนั้น เป็นส่วนของเงินทุนหมุนเวียน การขยายธุรกิจ การคุ้มครองธุรกิจ และการส่งเสริมในเรื่องผลตอบแทน โดยการให้บริการกับลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นในแนวทางเดียวกับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่

นอกจากนี้ จากผลสำรวจความเห็นบริษัทขนาดกลางในเอเชียของธนาคารเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า ตลาดนานาชาติคือจุดเน้นที่บริษัทให้ความสำคัญ โดยร้อยละ 67 บอกว่ามีแผนจะเพิ่มยอดขายในตลาดต่างประเทศที่มีอยู่แล้ว และร้อยละ 63 บอกว่า คาดหวังจะเพิ่มจำนวนตลาดต่างประเทศที่ดำเนินธุรกิจอยู่

“นับวัน บริษัทขนาดกลางก็ยิ่งต้องการคำแนะนำจากธนาคารเพื่อหารือว่า ควรเข้าไปแสวงหาโอกาสที่อยู่ในตลาดนอกประเทศที่ไหนและอย่างไร”

ทั้งนี้ จุดเด่นของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดใน 3 ด้าน ก็คือ การมีเครือข่ายต่างประเทศที่ครอบคลุมทั้งในอาเซียน อาฟริกา ไนจีเรีย ซึ่งจะช่วยเพิ่มช่องทางหรือทางเลือกให้กับลูกค้าได้หลากหลายขึ้น ทั้งในส่วนของการขยายลงทุน และการขยายตลาดไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะภายหลังการเปิด AEC ที่จะมาถึงในปลายปีนี้

พร้อมกันนั้น ธนาคารจะเพิ่มในส่วนของการเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ประกอบการด้วยแผนการลงทุนส่วนบุคคล ซึ่งเป็นอีกด้านที่ธนาคารมีความเชี่ยวชาญ รวมถึงงานวิจัยที่ครอบคลุมทั่วโลก ตรงนี้จะทำให้ผู้ประกอบการได้รับการบริหารจัดการด้านการเงินส่วนตัวนอกเหนือจากเรื่องธุรกิจ และประสบการณ์ของธนาคารที่ดำเนินการต่อเนื่องมาแล้วถึง 120 ปี ซึ่งทำให้ธนาคารมีความเชี่ยวชาญและช่องทางในการดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย

โดยธนาคารสนับสนุนลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตั้งแต่เงินทุนหมุนเวียน ความสะดวกทางการค้า ไปจนถึงใช้ประโยชน์จากเครือข่ายเพื่อช่วยลูกค้าเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ในการก้าวสู่ระดับนานาชาติ กล่าวให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ธนาคารสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายทั่วโลกเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเติบโตข้ามพรมแดน ร่วมมือกับธุรกรรมธนาคาร (Transaction Banking) เพื่อให้บริการด้านการค้าและการบริหารเงินสดที่เหมาะสมกับแต่ละราย ร่วมมือกับการบริหารการเงินการลงทุน เพื่อจัดสรรผลิตภัณฑ์แบงก์แอสชัวรันส์ ร่วมมือกับสายงานกลุ่มลูกค้ารายย่อยเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในด้านบริการธนาคารสำหรับพนักงาน

“เราไม่ได้มองเศรษฐกิจไทยแย่มากนัก แต่ก็ไม่ได้มองเศรษฐกิจไทยดีมากเช่นกัน มองยังขยายตัวได้ในระดับกลางๆ 3-4% แม้จะมีบางช่วงชะลอตัวไปบ้าง แต่ในช่วงต่อไปน่าจะขยายตัวได้บ้าง ดังนั้น การเปิดสายงานนี้ ก็จะยังไม่ได้เน้นไปที่สินเชื่อเป็นหลัก แต่จะเน้นในด้านการทำธุรกรรมการเงิน อาทิ กลุ่มผู้ส่งออก การขยายลงทุนไปต่างประเทศไปก่อน”

นายอชิช กล่าวอีกว่า ปัจจุบันธนาคารมีลูกค้ารายกลางอยู่ 200 ราย วงเงินกู้ 3,400 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายเพิ่มลูกค้าในปีนี้อีก 50 ราย และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ในส่วนนี้จาก 5% ของรายได้ธนาคารทั้งหมด เป็น 20% ภายใน 5 ปี หรือจากปัจจุบันที่มีรายได้ 100 ล้านบาท เป็น 1,200 ล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า