รอยเตอร์ – จีนมีแนวโน้มจะถือหุ้น 25-30 เปอร์เซ็นต์ในธนาคารเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) และอินเดียมีโอกาสจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุมของสมาชิกร่วมก่อตั้งสถาบันการเงินแห่งนี้ เผยในวันนี้ (22)
หุ้นของจีนในธนาคารที่มีทุนก่อตั้ง 1แสนดอลลาร์แห่งนี้จะน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ผู้แทนชาวเอเชียที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวในสิงคโปร์บอกกับรอยเตอร์
ผู้แทนคนที่สอง ระบุว่า หุ้นของแดนภารตะจะอยู่ที่ราว 10-15 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ผู้แทนทั้งสองให้ความเห็นโดยขอให้ไม่เผยชื่อ
กลุ่มประเทศเอเชียจะถือหุ้นในธนาคารแห่งนี้รวมกันราว 72-75 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ชาติยุโรปและชาติอื่นๆ จะถือหุ้นในส่วนที่เหลือ
การประชุมเป็นเวลา 3 วันของ AIIB ที่มีจีนหนุนหลังครั้งนี้มีเป้าประสงค์เพื่อสรุปร่างของข้อความรายละเอียดในข้อตกลงที่จะตัดสินเรื่องหุ้นส่วนของชาติสมาชิกและทุนตั้งต้นของธนาคารแห่งนี้
ผู้แทนคนที่สาม ระบุว่า การประชุมครั้งนี้ปิดฉากลงแล้วและตอนนี้ผู้แทนของแต่ละประเทศจะนำข้อเสนอกลับไปหารัฐบาลของพวกเขาเพื่อการตัดสินใจครั้งสุดท้าย
ในตอนนี้ยังไม่มีความคิดเห็นใดๆ จากเจ้าหน้าที่ AIIB หรือเจ้าหน้าที่จีนเกี่ยวกับการหารือดังกล่าวในสิงคโปร์
ประเทศทั้งสิ้น 57 ประเทศได้เข้าร่วม AIIB ในฐานะสมาชิกร่วมก่อตั้งตามแผนของธนาคารแห่งนี้แล้ว โดยมีประเทศต่างๆ รวมอยู่ด้วยกันอย่างหลากหลายเช่น อิหร่าน , อิสราเอล , อังกฤษ และลาว
สหรัฐฯและญี่ปุ่นยังไม่ได้เข้าร่วมสถาบันที่นำโดยพญามังกรแห่งนี้ ซึ่งถูกมองว่าเป็นคู่แข่งของธนาคารโลกที่ครอบงำโดยสหรัฐฯและธนาคารพัฒนาเอเชียที่นำโดยญี่ปุ่น โดยอ้างเรื่องความกังวลเกี่ยวกับความโปร่งใสและธรรมาภิบาล
การเริ่มดำเนินการของ AIIB ที่คาดว่าจะเป็นในปีหน้านั้นจะมีขึ้นในช่วงที่พื้นที่สำหรับการให้กู้ด้านโครงสร้างพื้นฐานแทบไม่เหลือที่ว่างแล้ว เนื่องจากปรากฏขึ้นของบรรดาสถาบันให้เงินกู้พหุภาคีและความเคลื่อนไหวล่าสุดของแดนอาทิตย์อุทัยที่จะทุ่มเงิน 1.1 แสนล้านดอลลาร์ไปกับโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในเอเชีย โดยจำนวนของเงินทุนญี่ปุ่นที่จะถูกนำไปลงทุนตลอด 5 ปีนั้นมากกว่าเงินทุนตั้งต้น 1 แสนล้านของ AIIB