รอยเตอร์ – ผู้สนับสนุนพรรคริพับลิกันของสหรัฐฯ 31 เปอร์เซ็นต์เห็นด้วยกับการทำข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน นำมาซึ่งความท้าทายสำหรับสมาชิกสภานิติบัญญัติของพรรคนี้ที่ส่วนใหญ่คัดค้านกรอบข้อตกลงดังกล่าวที่ได้รับการลงนามโดยเตหะรานและชาติมหาอำนาจโลก ผลสำรวจของรอยเตอร์ร่วมกับอิปซอสส์ เผยวันนี้ (8)
ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันอีก 30 เปอร์เซ็นต์ไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงนี้ ขณะที่ 40 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่แน่ใจ ทั้งนี้อ้างอิงจากโพลดังกล่าว ซึ่งเผยให้เห็นความแตกแยกอย่างชัดเจนในพรรคนี้ ขณะที่บรรดาผู้นำพรรคกำลังผลักดันการคัดค้านข้อตกลงนี้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดี บารัค โอบามา และพรรคเดโมแครต
ทำเนียบได้เปิดฉากความพยายามอย่างกว้างขวางที่จะโน้มน้าวบรรดาสมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐฯ และนักวิจารณ์ให้รับกรอบข้อตกลงนี้ที่ได้รับการบรรลุโดย อิหร่าน , สหรัฐฯ , อังกฤษ , ฝรั่งเศส , เยอรมนี , รัสเซีย และจีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
รายละเอียดมากมายยังคงมีการแก้ไขกันอยู่เพื่อให้ข้อตกลงสุดท้ายเป็นอันสมบูรณ์ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน เสียงสนับสนุนจากสาธารณะชนจะเป็นสิ่งสำคัญต่อความพยายามนี้ของทำเนียบขาว เพื่อที่จะโน้มน้าวสมาชิกสภาคองเกรสที่ยังสองจิตสองใจ ขณะที่สมาชิกจำนวนมากในสภานี้ ซึ่งคุมโดยพรรครีพับลิกัน มองว่าข้อตกลงนี้เป็นการยอมอ่อนข้ออย่างอันตรายให้กับประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้าย
ข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับนี้คาดการณ์ถึงการยกเลิกมาตรการคว่ำทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านโดยสหรัฐฯ และนานาชาติ แลกกับการที่เตหะรานยินยอมทำตามข้อจำกัดโครงการนิวเคลียร์
โพลชิ้นนี้เผยให้เห็นว่า โอบามา ก็มีการโฆษณาบางอย่างในหมู่สมาชิกพรรคของเขาเองเช่นกัน โดยผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต 50 เปอร์เซ็นต์สนับสนุนข้อตกลงนี้ 10 เปอร์เซ็นต์คัดค้าน และ 39 เปอร์เซ็นต์ยังไม่แน่ใจ
ในหมู่ผู้ไม่ฝักใฝ่พรรคใด ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มสำคัญสำหรับทั้งสองพรรคก่อนหน้าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 ผลปรากฏว่า 33 เปอร์เซ็นต์สนับสนุน , 21 เปอร์เซ็นต์คัดค้าน และ 45 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า พวกเขายังไม่แน่ใจกับข้อตกลงนี้
ประชาชนจากทั้งสองพรรคมีความแตกต่างกันอย่างมากในมุมมองที่พวกเขามีต่อการฟื้นสัมพันธไมตรีระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน
ประชาชนฝั่งพรรครีพับลิกัน 60 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า สหรัฐฯ ควรยึดถือแนวทางที่แข็งกร้าวกับศัตรูเก่าแก่รายนี้ และคงหรือขยายมาตการคว่ำบาตรในปัจจุบัน เทียบกับ 23 เปอร์เซ็นต์ของประชาชนฝั่งแดโมแครตที่ให้ความเห็นในทำนองเดียวกัน
ขณะที่ ประชาชนฝั่งแดโมแครต 48 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า วอชิงตันควรพัฒนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเตหะราน เทียบกับ 18 เปอร์เซ็นต์ของฝั่งรีพับลิกัน
โพลชิ้นนี้ เผยให้เห็นว่า แทบไม่มีเสียงสนับสนุนในหมู่ผู้สนับสนุนของทั้งสองพรรคให้กับการใช้กำลังทางทหารเพียงอย่างเดียวในฐานะวิธีการเพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ โดยมีผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตเพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เห็นด้วยกับทางเลือกกังกล่าว เช่นเดียวกับผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน 11 เปอร์เซ็นต์ และผู้ไม่ฝักใฝ่พรรคใด 6 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม เสียงสนับสนุนให้มีการใช้ช่องทางทางการทูตร่วมกับกำลังทางทหารนั้นมีมากกว่า โดยผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน 15 เปอร์เซ็นต์เห็นชอบกับการวิธีการดังกล่าว เช่นเดียวกับผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต 35 เปอร์เซ็นต์ และผู้ไม่ฝักใฝ่พรรคใด 42 เปอร์เซ็นต์
โพลออนไลน์ของรอยเตอร์/อิปซอสส์ครั้งนี้มาจากการสำรวจชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ 2,291 คน ระหว่างวันที่ 3-7 เมษายน ภายหลังข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านมีการประกาศออกมาแล้ว กลุ่มผู้ตอบแบสำรวจความคิดเห็นเหล่านี้ประกอบด้วยผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต 893 คน ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน 803 คน และผู้ไม่ฝักใฝ่พรรคใด 320 คน