เอเอฟพี/มาร์เกตวอตช์ - น้ำมันพุ่งแรงเมื่อวันจันทร์ (6 เม.ย.) หลังเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับผลกระทบของข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านต่ออุปทานเชื้อเพลิงโลก ส่วนวอลล์สตีทและทองคำก็ปิดบวกอย่างแข็งแกร่ง คลายกังวลเกี่ยวกับกรณีที่เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ววันนี้
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 3.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 3.17 ดอลลาร์ ปิดที่ 58.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (2 เม.ย.) จากข่าวอิหร่านและชาติมหาอำนาจบรรลุกรอบข้อตกลงที่เปิดทางสำหรับจำกัดกิจกรรมทางนิวเคลียร์ของเตหะราน แลกกับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ในนั้นรวมถึงการลงทุนทางพลังงาน
อย่างไรก็ตาม ทิศทางของราคาน้ำมันในวันจันทร์ (6 เม.ย.) เป็นผลจากเหล่านักลงทุนสรุปว่าข้อตกลงดังกล่าวจะยังคงไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทานพลังงานในระยะสั้น
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (6 เม.ย.) ขยับขึ้นพอสมควร ได้ปัจจัยหนุนจากกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันฟื้นแรง และนักลงทุนคลายกังวลว่าธนาคารกลางอเมริกา (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยก่อนกำหนด
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 117.61 จุด (0.66 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,880.85 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 13.66 จุด (0.66 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,080.62 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 30.38 จุด (0.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,917.32 จุด
วิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขานิวยอร์ก บอกระหว่างร่วมประชุมที่นิวเจอร์ซีย์เมื่อวันจันทร์ (6 เม.ย.) ว่าข้อมูลภารแรงงานที่น่าผิดหวังในเดือนมีนาคม บ่งชี้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรก น่าจะออกมาอ่อนแอ พร้อมระบุกรอบเวลาการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดยังไม่แน่นอนและจะขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจ
ปัจจัยข้อมูลภาคแรงงานในเดือนมีนาคมที่อ่อนแอ ส่งผลให้ราคาทองคำในวันจันทร์ (6 เม.ย.) ปิดบวกแรงเช่นกัน โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 17.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,218.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์