เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันเมื่อวันอังคาร (7 เม.ย.) ปิดบวกแรง โดยสัญญาสหรัฐฯแตะระดับสูงสุดในรอบปีท่ามกลางความคาดหมายว่าสต๊อกเชื้อเพลิงจะลดลง ส่วนวอลล์สตรีทและทองคำขยับลง จากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม ซึ่งราคาวันนั้นปิดที่ 54.12 ดอลลาร์ ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ ปิดที่ 59.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันแกว่งตัวจากแดนลบในช่วงเปิดตลาด จนกระทั่งปิดบวกอย่างแข็งแกรง ขยับขึ้นเพิ่มเติมจากเมื่อวันจันทร์ (6 เม.ย.) ที่พุ่งทะยานกว่า 3 ดอลลาร์ จากความคาดหมายว่าข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านระหว่างเตหะรานกับเหล่าชาติมหาอำนาจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะยังไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบโลกในระยะสั้น
ในส่วนของวันอังคาร (7 เม.ย.) นักลงทุนจับตาไปที่รายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองรายสัปดาห์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ (8 เม.ย.) โดยแม้นักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะเพิ่มขึ้นอีกสัปดาห์ แต่อีกด้านหนึ่งก็เชื่อว่ากำลังผลิตในอเมริกาจะลดลงเช่นกัน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (7 เม.ย.) ปรับลดเล็กน้อย หลังพุ่งแรงหนึ่งวันก่อนหน้านี้ โดยดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นก่อความกังวลว่ามันอาจส่งผลกระทบกับผลประกอบการของบริษัทอเมริกา
ดาวโจนส์ ลดลง 5.43 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,875.42 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 4.29 จุด (0.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,076.33 จุด แนสแดค ลดลง 7.08 จุด (0.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,910.23 จุด
ดอลลาร์ฟื้นตัวจากการปรับลงเมื่อเร็วๆ นี้ โดยแตะระดับสูงสุุดในรอบวันในช่วงบ่ายของการซื้อขาย ก่อความกังวลแก่นักลงทุนว่ามันอาจกระทบต่อผลกำไรของเหล่าบริษัทข้ามชาติของสหรัฐฯ
ปัจจัยดอลลาร์ที่แข็งค่านี้เอง ฉุดให้ทองคำเมื่อวันอังคาร (7 เม.ย.) ถอยกลับจากระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 8.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,210.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์