เอเจนซีส์ – ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและอิสราเอลหลังการประกาศชัยชนะการเลือกตั้งทั่วไปของนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ดูเหมือนจะเลวร้ายลงทุกที หลังล่าสุด ทำเนียบข่าวประกาศ อิสราเอลแอบจารกรรมการเจรจาลับในข้อตกลงโครงการนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ และทางทำเนียบขาวเชื่อว่า อิสราเอลได้ป้อนข้อมูลนี้ให้กับพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นพรรคคู่แข่งของพรรครัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ที่มีความพยายามต้องการตรวจสอบข้อตกลงนิวเคลียร์สหรัฐฯและอิหร่าน
เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(24)ว่า ความตรึงเครียดระหว่างความสัมพันธ์ของวอชิงตันและเทลอาวีฟดูเหมือนจะยิ่งร้าวรานหนักข้อขึ้น เมื่อล่าสุดในวันอังคาร(24) ทำเนียบขาวประกาศว่า การเจรจานิวเคลียร์อิหร่านถูกรัฐยิวสอดแนมล้วงความลับ และนำรายละเอียดในข้อตกลงเปิดเผยให้กับพรรครีพับริกัน ซึ่งมีเสียงข้างมากในทั้งสองสภาของสหรัฐฯ เพื่อหวังว่าทางรีพับริกันจะสามารถคว่ำดีลที่ทางนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เชื่อว่า เป็นภัยต่อความมั่นคงของอิสราเอล
ซึ่งสื่ออังกฤษชี้ว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ร่วมกับเยอรมัน รัสเซีย ฝรั่งเศส จีน อละอังกฤษ ได้ร่วมประชุมกับอิหร่านเพื่อหาทางยุติการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์
ทั้งนี้ไม่กี่สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปอิสราเอล เนทันยาฮูมุ่งหน้าเดินทางมายังสหรัฐฯเพื่อหาทางล็อบบี้โอบามาและผู้นำระดับสูงของสภาคองเกรส แสดงถึงจุดยืนของอิสราเอลต่อดีลของอิหร่านที่จะเกิดขึ้น โดยอิสราเอลมีความหวังว่า ข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นต้องอยู่บนรากฐานว่าอิหร่านต้องให้ความร่วมมือในการประณามการก่อการร้ายทั่วโลก และยกเลิกการให้การสนับสนุนองค์กรติดอาวุธเหล่านั้น
สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า ในการเปิดเผยของวอลสตรืเจอร์นัล หน่วยงานข่าวกรองสหรัฐฯพบว่า เจ้าหน้าที่อิสราเอลได้พูดคุยถึงข้อมูลที่ถูกนำมาจากการประชุมลับนิวเคลียร์อิหร่าน โดยแหล่งข่าวระดับสูงของทำเนียบขาวเปิดเผยกับวอลสตรีทเจอร์นัลว่า “มีสิ่งหนึ่งที่สหรัฐฯและอิสราเอลจะสอดแนมซึ่งกันและกัน และมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทางอิสราเอลจะขโมยความลับจากสหรัฐฯ และใช้มันเป็นเครื่องมือป้อนให้กับสมาชิกผู้ทรงเกียรติในรัฐสภาสหรัฐฯเพื่อบ่อนทำลายการทูตอเมริกา”
และแหล่งข่าวยังเปิดเผยต่อว่า “ ผู้คนรู้สึกว่า ความลับส่วนคัวถูกขายออกไป และอิสราเอลควรต้องระมัดระวังเพราะคนพวกนี้ไม่เพียงแต่ทำงานให้กับรัฐบาลสหรัฐฯในสมัยปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังทำงานให้กับรัฐบาลสหรัฐฯในสมัยถัดไปอีกด้วย”
ในขณะที่โฆษกนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ปฎิเสธข้อกล่าวหาที่เผ็ดร้อนจากทำเนียบขาว “ข้อกล่าวหาทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเท็จ เพราะอิสราเอลไม่เคยทำการจารกรรมต่อสหรัฐฯ หรือต่อประเทศพันธมิตรของอิสราเอล ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้มุ่งทำลายความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของสหรัฐฯและอิสราเอล รวมไปถึงความสัมพันธ์ด้านข้อมูลและความมั่นคงที่ทั้งสองประเทศได้มีส่วนร่วมแบ่งปัน”
อย่างไรก็ตาม ปฎิกริยาของสมาชิรัฐสภาสายพรรคริพับลิกันต่อข้อตกลงเจรจาลับนิวเคลียร์อิหร่านนั้นเป็นท่าทีที่เป็นปรปักษ์ ซึ่งหนึ่งในวุฒิสมาชิกอาวุโสสหรัฐฯได้เตือนทำเนียบขาวถึงข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านว่า อาจจะเกิดเผลสนองกลับอย่างคาดไม่ถึง หากดีลนี้ข้ามวอชิงตันแต่ตรงไปที่ยูเอ็นแทน ซึ่งข้อวิตกของการเจรจานิวเคลียร์อยู่ที่การผ่อนคลายการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน หากรัฐบาลอิหร่านจะรับปากที่จะหยุดการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด
และสว. สายพรรครีพับลิกัน ลินด์เซย์ เกรแฮม (Lindsey Graham) ข่มขู่ที่จะผ่านร่างกฏหมายในสภาสูงสหรัฐฯเดือนหน้าเพื่อที่จะทำให้สภาคองเกรสสามารถตรวจสอบข้อตกลงใดที่รัฐบาลสหรัฐฯได้ทำก่อนที่จะนำเข้าสู่องค์การสหประชาชาติต่อไป ซึ่งจะถูกนำเข้าไปยังที่ประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงองค์การสหประชาชาติที่มี 5 ชาตินั่งเป็นสมาชิกถาวรอยู่ในนั้น และหากที่ประชุมเห็นชอบ ทำให้เชื่อว่าข้อตกลงนั้นจะได้รับการหนุนหลังเต็มที่จากองค์การสหประชาชาติในท้ายที่สุด
สื่ออังกฤษชี้ว่า ในร่างกฎหมายใหม่นี้ต้องการให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯยื่นข้อตกลงที่ได้ทำเป็นรายลักษณ์อักษรไปให้กับสภาคองเกรสเพื่อพิจารณา และจะยังสามารถห้ามไม่ให้รัฐบาลสหรัฐฯสามารถเพิกเฉยต่อการแทรกแซงของสภาคองเกรสเป็นเวลา 60 วัน ซึ่งในช่วงระยะเวลานี้ สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯสามารถเรียกให้มีการเข้าให้ข้อมูลกับที่ประชุม และอนุมัติ หรือ ไม่เห็นชอบ รวมถึงไม่มีปฎิกริยาต่อดีลที่นำเข้ามาพิจารณาได้
นอกจากนี้เดลีเมล ยังรายงานเพิ่มเติมว่า รัฐมนตรีกระทรวงข่าวกรองอิสราเอล ยูวาล สไตนิตส์ (Yuval Steinitz) ได้บินตรงไปยังกรุงปารีสเพื่อทำการล็อบบี้ฝรั่งเศสในข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน โดยกล่าวว่า ในการพูดคุยกับฝรั่งเศสในอดีตนั้น ทางอิสราเอลชี้ถึง ความทะเยอทะยานของอิหร่านในการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์นั้นมีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัดในอดีต และยังเสริมว่า ในขณะนี้มีแต่แผนการ A และไม่มีแผนการสำรองแต่อย่างใด ซึ่งความพยายามนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดดีลที่ผิดพลาดเกิดขึ้น หรืออย่างน้อยพยายามที่จะให้สมเหตุสมผลมากที่สุด หรือทำให้ช่องว่างที่มีอยู่เติมเต็ม
ซึ่งการที่อิหร่านเดินทางไปยังกรุงปารีสเพราะเชื่อว่า ในบรรดาชาติที่อยู่ในที่ประชุมลับนิวเคลียร์อิหร่านนั้น ฝรั่งเศสถือเป็นชาติที่เป็นจุดออ่อนที่สุดในวงการประชุมนี้
โดยอิสราเอลเชื่อว่า สหรัฐฯมีความกระตือรือร้นที่ต้องการจะปิดดีลกับอิหร่าน แต่กระนั้นเจ้าหน้าที่อิสราเอลอ้างว่า พวกเขาสนใจเพียงแต่ในการเจรจาที่กำลังจะแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่อิหร่านซ่อนอยู่ในโครงการพัฒนานิวเคลียร์ ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการแช่แข็งโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเตหะราน