xs
xsm
sm
md
lg

Weekend Focus: รีพับลิกันท้าชน “โอบามา” ร่อนจดหมายขู่ “อิหร่าน” ล้มข้อตกลงนุก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การงัดข้อระหว่างผู้นำสหรัฐฯ กับพรรคฝ่ายค้านรีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสเริ่มจะร้อนระอุหนักในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ โดยล่าสุดวุฒิสมาชิกรีพับลิกันถึงขั้นแหวกธรรมเนียมการเมืองร่อนจดหมายถึงผู้นำอิหร่าน หวังชักแม่น้ำทั้ง 5 เพื่อทำลายข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ถือได้ว่าเป็นเป้าหมายสำคัญลำดับต้นๆ ในด้านนโยบายการทูตของ บารัค โอบามา

ส.ว. รีพับลิกัน 47 คน รวมถึงบรรดาตัวเก็งที่คาดว่าจะลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 ได้ส่งจดหมายเตือนรัฐบาลอิหร่านว่า ข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ลักษณะใดก็ตามที่พวกเขาคิดจะทำกับวอชิงตันในเวลานี้อาจถูกฉีกทิ้งหลังจาก โอบามา พ้นตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในอีก 2 ปีข้างหน้า

เนื้อความในจดหมายของรีพับลิกันบอกในทำนองว่า อิหร่าน “ไม่เข้าใจระบบรัฐธรรมนูญอเมริกาดีพอ” และข้อตกลงนิวเคลียร์ที่พวกเขาคิดจะทำร่วมกับวอชิงตันเวลานี้ก็จะเป็นแค่ข้อตกลงระดับฝ่ายบริหารระหว่าง “ประธานาธิบดี บารัค โอบามา กับ อยาตอลเลาะห์ คอเมเนอี” เท่านั้น

“เพียงแค่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ตวัดปลายปากกา ข้อตกลงก็จะสิ้นสภาพทันที และสภาคองเกรสชุดใหม่ก็มีสิทธิ์ที่จะปรับแก้เงื่อนไขข้อตกลงอย่างไรก็ได้” จดหมายของ ส.ว. รีพับลิกัน ระบุ

โอบามา กล่าวติเตียนการกระทำที่ผิดมารยาทการเมืองของฝ่ายค้านว่า “ดูเหมือนสมาชิกสภาคองเกรสบางคนคิดจะร่วมมือกับพวกสุดโต่งในอิหร่านเสียเอง... ช่างเป็นพันธมิตรที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย”

รองประธานาธิบดี โจ ไบเดน อดีต ส.ว. ผู้มีประสบการณ์ทำงานในสภาคองเกรสมานานหลายสิบปี ชี้ว่า การกระทำมุทะลุของ ส.ว. รีพับลิกันกลุ่มนี้จะทำให้สหรัฐฯ ต้องตกที่นั่งลำบาก

“จดหมายที่ ส.ว. รีพับลิกันทั้ง 47 คนส่งถึงสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านเมื่อวันที่ 9 มีนาคม แสดงถึงความจงใจที่จะบั่นทอนอำนาจของประธานาธิบดี ในห้วงเวลาที่กำลังมีการเจรจาปัญหาละเอียดอ่อนระหว่างประเทศ การกระทำเช่นนี้ไม่สมกับเกียรติภูมิของสถาบันที่ผมให้ความเคารพนับถือเลย”

“จดหมายฉบับนี้อ้างรัฐธรรมนูญ โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ฝ่ายบริหารปฏิบัติกันมานานกว่า 200 ปี และถือเป็นการข่มขู่ที่อาจบั่นทอนอำนาจของประธานาธิบดีคนต่อๆ ไปซึ่งจะต้องเจรจากับต่างชาติในนามของสหรัฐฯ ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะมาจากพรรคเดโมแครตหรือรีพับลิกันก็ตาม... จดหมายฉบับนี้กำลังสื่อความอย่างผิดๆ ไปยังมิตรและศัตรูของเราว่า ผู้นำสูงสุดของสหรัฐฯไม่มีสิทธิ์ที่จะให้คำมั่นสัญญาในนามของประเทศ ซึ่งไม่ถูกต้องและอันตรายอย่างยิ่ง... ผู้มีเกียรติทั้งหลายอาจจะไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล แต่ที่ทำเช่นนี้ไม่ได้ช่วยให้อเมริกาปลอดภัยหรือแข็งแกร่งขึ้นเลย”

ก่อนหน้านี้ ผู้นำพรรครีพับลิกันก็ได้หักหน้า โอบามา ด้วยการเชิญนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าต่อต้านการทำข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านแบบสุดลิ่มทิ่มประตู มากล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาคองเกรส

ผู้นำยิวซึ่งจะเผชิญศึกเลือกตั้งในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเตือนว่า เงื่อนไขข้อตกลงไม่เพียงไม่สามารถปิดกั้นอิหร่านจากการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แต่อาจจะเป็น “สิ่งรับประกันให้อิหร่านผลิตอาวุธเหล่านั้นสำเร็จ และมากมายเสียด้วย”

การเจรจาระหว่างอิหร่านกับมหาอำนาจ P5+1 ซึ่งได้แก่สหรัฐฯ, รัสเซีย, จีน, อังกฤษ, ฝรั่งเศส บวกเยอรมนี เดินทางมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ เพราะทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องบรรลุกรอบความตกลงเบื้องต้นภายในสิ้นเดือนมีนาคม เพื่อนำไปสู่การทำข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ซึ่งอิหร่านจะถูกจำกัดศักยภาพด้านนิวเคลียร์ ขณะที่ตะวันตกก็จะยอมผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรเป็นการแลกเปลี่ยน

จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะหารือกับ โมฮัมเหม็ด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านครั้งถัดไปในวันที่ 15 มีนาคมนี้ ณ นครโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

พรรครีพับลิกันหรือแม้กระทั่งสมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนหวั่นเกรงว่าข้อตกลงเช่นนี้จะทำให้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านหละหลวมลงไป ทั้งยังไม่อาจรับรองได้ 100% ว่าอิหร่านจะไม่ลักลอบพัฒนานิวเคลียร์ต่อไปอย่างลับๆ

โอบามา ระบุว่า รัฐบาลของเขาต้องการดึงอิหร่านมาร่วมทำข้อตกลงกับนานาชาติ เพื่อให้มั่นใจว่าอิหร่านจะเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์เพื่อสันติต่อไปโดยไม่ล้ำเส้นไปสู่การผลิตอาวุธทำลายล้างสูง

รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับจดหมายเตือนของพรรครีพับลิกันว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆ ในโลกนั้นขึ้นอยู่กับพันธะสัญญาและเจตนารมณ์ระดับนานาชาติ “ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกฎหมายภายในประเทศของสหรัฐฯ” และหากในอนาคตสหรัฐฯ คิดจะฉีกสัญญาที่ทำไว้ ก็เท่ากับละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศด้วย

อิหร่านยืนยันมาตลอดว่า โครงการนิวเคลียร์ของตนมีวัตถุประสงค์เพื่อนำพลังงานมาใช้ประโยชน์ในด้านพลเรือนเท่านั้น

กำลังโหลดความคิดเห็น