รอยเตอร์ – การเจรจากรอบข้อตกลงจำกัดศักยภาพนิวเคลียร์ของอิหร่านที่สำเร็จลุล่วงไปเมื่อวันพฤหัสบดี (2 เม.ย.) จะช่วยยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ด้วย กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงเมื่อวานนี้ (3)
ระหว่างพูดคุยโทรศัพท์กับ จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ หวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้กล่าวว่า ข้อตกลงครั้งนี้เป็นผลมาจากความพยายามของทุกฝ่ายที่เล็งเห็นโอกาสสำคัญในประวัติศาสตร์
“จีนและสหรัฐฯ ซึ่งมีพันธกรณีที่จะต้องปกป้องข้อตกลงไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ในระดับนานาชาติ ได้ติดต่อหารือกันด้วยดีตลอดการเจรจาครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มพลังด้านบวกให้แก่ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของเราทั้ง 2 ชาติ” ถ้อยแถลงซึ่งอ้างคำพูดของ หวัง อี้ ระบุ
“เพื่อให้ข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ฉบับสมบูรณ์สำเร็จตามกรอบเวลาที่กำหนด จีนจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสหรัฐฯ และจะแสดงบทบาทที่สร้างสรรค์ในกระบวนการนี้ต่อไป”
แม้ว่าจะขัดแย้งกันด้วยปัญหาความมั่นคงไซเบอร์และค่าเงินหยวน แต่สหรัฐฯ และจีนก็ยังร่วมมือกันแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศ โดยเฉพาะข้อพิพาทนิวเคลียร์อิหร่าน และเกาหลีเหนือ
กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุด้วยว่า สหรัฐฯ แสดงความซาบซึ้งที่จีนมีบทบาทอย่างสำคัญและสร้างสรรค์ในกระบวนการเจรจานิวเคลียร์กับอิหร่านครั้งล่าสุด
ผู้แทนชาติมหาอำนาจ P5+1 และอิหร่านซึ่งได้ร่วมโต๊ะเจรจานานถึง 8 วันที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บรรลุกรอบข้อตกลงเบื้องต้นเมื่อวันพฤหัสบดี (2) ซึ่งจะนำไปสู่การจัดทำข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์อิหร่านฉบับสมบูรณ์ภายในเดือนมิถุนายนนี้
ข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับสมบูรณ์จะช่วยให้โลกตะวันตกเบาใจได้ว่า ศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านจะถูกตีกรอบไม่ให้ถึงขั้นลักลอบผลิตอาวุธทำลายล้างสูงได้ ในขณะที่เตหะรานก็จะได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นการตอบแทนเมื่อตะวันตกยกเลิกคว่ำบาตร
การเจรจาครั้งนี้ถือเป็นพัฒนาการก้าวสำคัญที่อาจนำไปสู่การคืนดีระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่านนับตั้งแต่ปี 1979 และอาจช่วยให้อิหร่านพ้นจากการถูกโดดเดี่ยว อันจะส่งอิทธิพลทางการเมืองไปทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง
จีนกับอิหร่านมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดต่อกันทั้งในทางการทูต เศรษฐกิจ การค้า และพลังงาน โดยปีที่แล้วจีนนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านเพิ่มขึ้นเกือบ 30% สูงที่สุดตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา