รอยเตอร์ - เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลย้ำในวันศุกร์ (3 เม.ย.) ว่าข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านฉบับสมบูรณ์ใดๆ ควรบรรจุความสัญญาจากอิหร่านในการรับรองสิทธิดำรงอยู่ของอิสราเอล
เมื่อเดือนที่แล้ว นายเนทันยาฮูขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯ เตือนว่าข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านจะเป็นภัยคุกคามอย่างยิ่งต่อความอยู่รอดของประเทศของเขา แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดยั้งสหรัฐฯและอีก 5 ชาติมหาอำนาจในการบรรลุกรอบข้อตกลงเบื้องต้นสำหรับจำกัดศักยภาพโครงการนิวเคลียร์ของเตหะรานอย่างน้อยๆ ก็ 1 ทศวรรษในวันพฤหัสบดี (2 เม.ย.)
“อิสราเอลขอเรียกร้องว่าข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ใดๆ กับอิหร่าน ควรรวมถึงคำสัญญาอย่างชัดเจนและกระจ่างแจ้งของอิหร่านต่อสิทธิการดำรงอยู่ของอิสราเอล” เนทันยาฮูระบุในถ้อยแถลง “อิสราเอลจะไม่ยอมรับข้อตกลงใดๆ ที่เปิดทางให้ประเทศหนึ่งที่ประกาศทำลายล้างเรา พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์”
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ซึ่งเรียกข้อตกลงในวันพฤหัสบดี (2 เม.ย.) ว่าเป็น “ความเข้าใจครั้งประวัติศาสตร์” และต่อสายการตรงหานายเนทันยาฮูภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการเจรจาลงเอย บอกว่าข้อตกลงนี้เป็นตัวแทนของการมุ่งหน้าสู่ทางออกที่ยั่งยืนที่จะตัดเส้นทางต่างๆของอิหร่านในการมีอาวุธนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตาม นายเนทันยาฮูบอกว่า ข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ที่มีเป็นไปตามกรอบข้อตกลงที่เห็นพ้องในเมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จะเป็นภัยคุกคามความอยู่รอดของอิสราเอล และไม่ได้เป็นการปิดเส้นทางระเบิดนิวเคลียร์ของเตหะราน แต่เป็นการเปิดทางแทน
“ข้อตกลงนี้จะทำให้โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านถูกต้องตามกฎหมาย เกื้อหนุนเศรษฐกิจอิหร่าน ส่งเสริมการรุกรานของอิหร่านและก่อการร้ายทั่วตะวันออกกลางหรืออาจไกลกว่านั้น” เนทันยาฮูระบุ “มันเพิ่มความเสี่ยงแผ่ขยายนิวเคลียร์ในภูมิภาคและเสี่ยงเกิดสงครามอันน่าสยดสยอง”
ก่อนหน้านี้ อิสราเอลที่เชื่อกันว่าเป็นเพียงรัฐเดียวในตะวันออกกลางที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง บอกว่าพวกเขาจะใช้ปฏิบัติการทางทหารชิงโจมตีก่อน หากเล็งเห็นว่ามันมีความจำเป็นสำหรับหยุดยั้งอิหร่านจากการมีอาวุธนิวเคลียร์